“จับไม่ได้หรอก” เป็นคำพูดของคนหลายๆ คนที่เกิดขึ้น หลังคนร้ายก่อเหตุทุบกระจกรถยนต์ฉกเพชรมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนที่แล้วมา เจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองภูเก็ต วางแผนแกะรอยไล่ล่าจนจับกุมผู้ต้องหาได้ภายใน 7 ชั่วโมง แผนปฏิบัติการไล่ล่าคนร้ายแก๊งนี้เป็นอย่างไร เรามาฟังจากปาก ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต “พล.ต.ต.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร” ผู้บัญชาการ ผลงานชิ้นโบแดงนี้
ก่อนที่จะเริ่มพูดคุยกัน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ได้บอกกับทีมงาน ASTVผู้จัดการ ว่า แผนปฏิบัติการไล่ล่าคนร้ายในครั้งนี้ ไม่สามารถที่จะเปิดเผยได้ทั้งหมดเพราะบางเรื่องเป็นเทคนิค เป็นยุทธวิธีในการทำงาน ถ้านำมาเปิดเผยหมดคนร้ายก็จะรู้วิธีการทำงานของตำรวจ ซึ่งจะส่งผลทำให้การติดตามจับกุมคนร้ายในคดีอื่นๆ ทำได้ยากขึ้น เราจึงเริ่มคำถาม
การติดตามจับกุมแก๊งคนร้ายต่างชาติที่ก่อเหตุในครั้งนี้ทำได้อย่างรวดเร็ว มีวิธีการทำงานอย่างไร
หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่า มีเหตุคนร้ายทุบกระจกรถยนต์ป้ายทะเบียน ชง 8686 กรุงเทพ ของคุณธงศักดิ์ จินตการฤกษ์ แล้วฉกเอาเครื่องเพชรมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท จำนวน 600 กว่ารายการ ไปเมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา ในเบื้องต้นทราบว่ามีผู้ต้องหา 2 คน ที่ดูจากกล้องวงจรปิด หลังเกิดเหตุได้ประมวลเหตุการณ์ทั้งหมด และเชื่อว่ากลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้ได้เตรียมการ และวางแผนมาเป็นอย่างดี
ตอนแรกคิดว่าคนร้ายน่าจะติดตามผู้เสียหายมาจากกรุงเทพฯ แต่เมื่อไปตรวจสอบดูแล้วกลับพบว่า คนร้ายเลือกมาติดตามผู้เสียหายในงานจิวเวลรีแฟร์ ซึ่งจัดขึ้นที่ศูนย์การค้า เซ็นทรัล เฟสติวัล ภูเก็ต โดยคนร้ายจะเลือกเฝ้าตามเหยื่อที่ไม่ค่อยระมัดระวังตัว รวมถึงเส้นทางการลงมือ ซึ่งผู้เสียหายรายนี้ถูกตามมาประมาณ 48 ชั่วโมง ก่อนที่จะลงมือปฏิบัติการ เริ่มตั้งแต่ไปดูที่บูทจัดงาน ไปจนถึงเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของผู้เสียหาย สถานที่พัก รับประทานอาหารที่ไหน ใช้รถอะไร มีคนร่วมเดินทางกี่คน รวมไปถึงการเก็บทรัพย์สินของเหยื่อ
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 14 พ.ค. วันที่เกิดเหตุ เวลาประมาณ 09.45 น. ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้เสียหายจอดรถเพื่อรับประทานอาหาร คนร้ายก็ได้จังหวะในการก่อเหตุ ซึ่งคนร้ายรู้อยู่แล้วว่ากระเป๋าเครื่องเพชรวางไว้ส่วนไหนของรถ ก็ใช้ของแข็งทุบกระจกรถ และหยิบฉวยเอาไปอย่างง่ายดาย
หลังเกิดเหตุก็ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ทั้งตำรวจสืบสวน สภ.เมืองภูเก็ต ตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัด และตำรวจที่เกี่ยวข้องวางแผนในการทำงาน และแบ่งงานกันทำ ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามที่ต่างๆ ทั้งบริเวณที่เกิดเหตุ ห้างเซ็นทรัล โรงแรมที่พัก สกัดจับรถต้องสงสัย สอบปากคำในส่วนของผู้เสียหาย พนักงานบ้านสวน เพลส (ที่พักของผู้เสียหาย) จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่า ทุกครั้งที่รถของผู้เสียหายเข้า-ออกห้างเซ็นทรัล จะมีรถต้องสงสัยที่เช่ามาจากกรุงเทพฯ ตามไปด้วยทุกครั้ง และเวลาออกก็ออกมาด้วยทุกครั้ง
หลังจากได้ป้ายทะเบียนรถต้องสงสัยจากกล้องวงจรปิดแล้วมีการดำเนินการต่ออย่างไร
หลังจากทราบหมายเลขทะเบียนรถต้องสงสัย และบุคคลต้องสงสัยมาแล้ว ก็มีการตรวจสอบหมายเลขทะเบียนรถ พบว่าเป็นรถที่เช่ามาจากกรุงเทพฯ และตรวจสอบต่อไปจนทราบว่าเป็นรถของใคร และใครเป็นคนเช่า ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า นายบิกัน ลิซ่า ชาวตุรกี ซึ่งขณะนี้ถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับยาเสพติดอยู่ที่จังหวัดตรัง เป็นผู้เช่ารถคันดังกล่าว ซึ่งเช่ามาเกือบ 1 เดือนแล้ว เมื่อได้ข้อมูลต่างๆ มาแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ได้นำข้อมูลมาประมวล ประกอบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนมีไหวพริบดี และคิดว่ารถที่ให้เช่าส่วนใหญ่จะติดตั้ง GPS เพื่อติดตามรถ จึงได้มีการตรวจสอบ GPS ของรถคันดังกล่าว จนพบว่ารถถูกนำไปจอดทิ้งไว้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่ป่าตอง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงไปติดตามตรวจสอบ แต่ไม่พบตัวคนร้ายแล้ว ซึ่งคนร้ายค่อนข้างระมัดระวังตัวมาก ไม่ได้นำรถไปจอดยังโรงแรมที่พัก แต่นำไปจอดทิ้งไว้ที่โรงแรมอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างจากโรงแรมที่พักประมาณ 200 เมตร เพื่ออำพรางไม่ให้ตำรวจตามพบ
แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพื้นที่ป่าตองเป็นพื้นที่ที่ไม่ใหญ่มาก ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ก็จะรู้จักกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างดี เนื่องจากทำงานในพื้นที่มานานได้ ให้ข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่มากพอสมควร จนทราบว่าหลังจากจอดรถทิ้งไว้ นายบิกัน ลิซ่า ชาวตุรกี ก็เดินไปโรงแรมข้างๆ ห่างกันประมาณ 100 เมตร ติดต่อขอเช่ารถรับจ้างบริเวณแถวนั้น เพื่อให้ไปส่งที่จังหวัดสงขลา บริเวณด่านนอกเพื่อหลบหนี
เมื่อได้ข้อมูลรถที่คนร้ายเช่าไปแล้วก็ได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ตำรวจภูธรภาค 9 ในการสกัดจับรถต้องสงสัยคันดังกล่าว โดยแจ้งตำหนิรูปพรรณไปให้ หลังจากนั้น ยังกลัวว่าผู้ต้องหาจะไม่ออกทางด่านสะเดา แต่อาจจะใช้เครื่องบินเป็นเส้นทางหลบหนี โดยนั่งเครื่องบินจากกระบี่ไปลงที่กรุงเทพฯ แทน จึงได้ประสานกับทางด่านตรวจคนเข้าเมืองในการตรวจสอบผู้โดยสารเที่ยวบินของสายการบินแอร์เอเชียที่ออกเดินทางจากจังหวัดกระบี่ในเวลาประมาณ 16.00 น.
จากการตรวจสอบไม่พบว่ามีผู้ต้องสงสัยในเที่ยวบินดังกล่าว ก็สรุปว่าผู้ต้องหาใช้เส้นทางรถยนต์ในการหลบหนีแน่นอน จึงประสานให้ตำรวจทางหลวงตรวจสอบรถต้องสงสัยต่อไป และในเวลาประมาณ 17.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงที่จังหวัดตรัง ได้ตรวจสอบพบรถต้องสงสัยตามที่แจ้งไว้แล่นผ่านเข้ามาทางด่านตรวจ จึงได้เรียกตรวจ และจับกุมผู้ต้องหาได้พร้อมยึดของกลางกลับมา
แสดงว่าการจับกุมผู้ต้องหาในครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอาศัยข้อมูลจากกล้องวงจรปิด และไหวพริบของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนในการติดตามตัวคนร้าย
การจับกุมผู้ต้องหาในครั้งนี้ประสบความสำเร็จ เนื่องจากความร่วมมือของเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคนที่ร่วมมือกันทำงานอย่างเต็มที่ รวมทั้งไหวพริบของเจ้าหน้าที่ตำรวจและที่สำคัญคือภาพจากกล้องวงจรปิด เพราะถ้าไม่ได้สิ่งเหล่านี้ การติดตามจับกุมคนร้ายก็คงทำได้ไม่เร็วขนาดนี้
ใช้เวลาในการแกะรอยติดตามจับกุมคนร้ายนานแค่ไหน
จากการแกะรอยของเจ้าหน้าที่ตำรวจทำให้ทราบตัวผู้ต้องหา และเส้นทางในการหลบหนีได้ในเวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง ถ้าเรารู้ตัวคนร้ายและเส้นทางหลบหนีช้ากว่านี้ แค่ 3 ชั่วโมง เชื่อว่าคนร้ายจะสามารถหลบหนีออกไปทางด่านสะเดาได้อย่างแน่นอน เพราะด่านสะเดาปิดทำการประมาณเที่ยงคืน ถือว่าการทำงานของเจ้าหน้านี้ทำได้ค่อนข้างเร็วในทุกขั้นตอน
สำหรับแก๊งคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้เป็นแก๊งคนร้ายข้ามชาติหรือไม่
จากการตรวจสอบข้อมูลของเจ้าหน้าที่จากหลักฐานที่คนร้ายทิ้งไว้ โดยเฉพาะสมุดบันทึกของ น.ส.มาเรีย แอสเซนเนส เมเจีย ซูรัวก้า ชาวเม็กซิโก หัวหน้าแก๊ง พบว่า มีการจดบันทึกข้อมูลของการจัดงานแสดงเพชรในเอเชียไว้ทั้งหมด รวมทั้งมีการวางแผนมาเป็นอย่างดี มีการอำพรางตัว เพราะดูได้จากในช่วง 2 วัน ที่คนร้ายไปดูลาดเลามีการแปลงโฉมตัวเองตลอดเวลา และขณะนี้ ได้รับการประสานจากศูนย์สืบสวนตำรวจนครบาล เชื่อว่าแก๊งคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้น่าจะเคยก่อเหตุลักทรัพย์ที่ สน.บางนามาแล้ว ส่วนจะมีหมายจับในต่างประเทศหรือไม่นั้นจะประสานไปยังกองการต่างประเทศเพื่อประสานกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสากลในการตรวจสอบต่อไป
มีผู้เกี่ยวข้องมากกว่าผู้ต้องหาที่จับกุมมาแล้วอีกหรือไม่
คิดว่าผู้เกี่ยวข้องกับการลักทรัพย์ในครั้งนี้ ไม่น่าจะมีเพิ่มมากกว่านี้แล้ว ยกเว้นในส่วนของผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอยู่ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่าการติดตามจับกุมตัว ส่วนผู้ที่เกี่ยวข้องหลังจากก่อเหตุในครั้งนี้แล้วจะมีเพิ่มหรือไม่ยังไม่ทราบ และคิดว่าแก๊งที่ก่อเหตุในครั้งนี้เป็นมืออาชีพแน่นอน เพราะมีการเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี และระมัดระวังตัวมาก ทั้งก่อนและหลังก่อเหตุ ทั้งทำสีผม ใส่วิก ช่วงที่ก่อเหตุยังใช้ร่มปิดบังใบหน้า แม้แต่กระเป๋าเดินทางที่ผู้เสียหายใส่เพชรไว้คนร้ายยังนำไปฝากไว้กับยามที่โรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่หาดในยาง โดยเอาทรัพย์สินใส่ในกระเป๋าอีกใบเพื่ออำพรางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเวลาหนีก็ไม่ได้ใช้รถคันเดิมในการหลบหนี
คิดว่าผู้ต้องหาที่เป็นหัวหน้าแก๊งยังอยู่ในประเทศไทยหรือไม่
เชื่อว่าขณะนี้คนร้ายที่หลบหนีอยู่ ยังอยู่ในพื้นที่ ซึ่งได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจในจังหวัดตรังในการติดตามจับกุมแล้ว
ขณะนี้หลายๆ คนยังคาใจกับเพชรที่ยังหายไป 170 ชิ้น จะมีการติดตามอย่างไร
ตอนที่ตำรวจทางหลวงควบคุมตัวผู้ต้องหาได้ ตำรวจภูเก็ตไปรับตัวผู้ต้องหา แต่เพื่อความบริสุทธิ์ใจของตำรวจภูเก็ตในการรับผู้ต้องหาและของกลางนั้น ได้พาในส่วนของผู้เสียหายไปร่วมตรวจสอบด้วย แต่ระหว่างทางที่ผู้ต้องหาหลบหนี จุดนี้ต้องมีการสืบสวนต่อว่าของหายไปไหน รวมทั้งตำหนิรูปพรรณของกลางที่หายไป เพื่อส่งข้อมูลไปยังจังหวัดใกล้เคียงที่คนร้ายผ่านไม่ว่าจะเป็นพังงา กระบี่ และ จ.ตรังในการตรวจสอบ ตอนนี้ก็มีการคาดเดาไปต่างๆนานาทั้งที่การแบ่งทรัพย์สินไปแล้วก่อนที่จะมีการหลบหนี ซึ่งขอเวลาในการสอบสวนเพิ่มเติม ส่วนทรัพย์สินที่หายนั้นในส่วนของผู้เสียหายก็ตามอยู่ จะต้องติดตามกลับคืนมาให้ได้ โดยจะต้องสอบปากคำกันต่อไป และนำข้อมูลมาวิเคราะห์ต่อไป
การไล่ล่าคนร้ายในครั้งนี้มีชื่อแผนปฏิบัติการหรือเปล่า
(ผู้บังคับการภูเก็ตหัวเราะก่อนที่จะตอบว่า) ก็ไม่ถึงกับมีชื่อแผนปฏิบัติการ ไม่ถึงขนาดนั้นในการปฏิบัติการในครั้งนี้ไม่ได้ใช้ชื่อแผนอะไร เพียงแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนทำงานได้เร็ว เพราะถ้าช้ากว่านี้คนร้ายหนีออกนอกประเทศไปแน่ และคดีในลักษณะนี้อยู่ที่ตัวความพร้อมของเจ้าหน้าที่ ข้อมูลที่ได้มาส่วนใหญ่มาจากภาพกล้องวงจรปิด รวมทั้งไหวพริบของเจ้าหน้าที่ในการสอบถามผู้เสียหาย รวมทั้งพนักงานที่ให้ข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่ และครั้งนี้ถือว่าจังหวะพอดี เพราะถ้าไม่พอดีก็ถูกด่าแน่
มีการวางมาตรการในการป้องกันการก่อเหตุในลักษณะนี้ไว้อย่างไรบ้าง
ในส่วนของผู้ประกอบการจิวเวลรี และประชาชนทั่วไปที่ชอบถือเงินสด หรือทรัพย์สินจำนวนมาก ตนในฐานะเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีความเป็นห่วง ไม่ว่าจะเป็นการเบิกเงินครั้งละเยอะๆ หรือนำสิ่งของที่มีราคาไปจัดแสดง ดูจากคดีนี้แล้วมีความเป็นห่วงมากเพราะมิจฉาชีพที่จะก่อเหตุจะเฝ้าติดตามตลอด เพราะฉะนั้น เจ้าของทรัพย์เองก็จะต้องระมัดระวังป้องกันตนเองให้มากขึ้นด้วย ถ้าจะขนทรัพย์สินมีค่าจำนวนมากๆ ออกจากบ้าน จากร้านค้าก็ควรใช้บริการบริษัทขนส่งที่มีมาตรการในการป้องกันเป็นอย่างดี หรือถ้าจำเป็นจริงๆ ก็สามารถแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยดูแลได้
ขณะที่ในส่วนของร้านทองก็อยากจะให้ทำลูกกรงเหล็กในการป้องกัน รวมทั้งในส่วนของกระจกที่เป็นตู้เก็บทองก็ให้ทำในลักษณ์ของการติดฟิล์มที่กระจก เพราะเวลาถูกทุบแตกคนร้ายก็ไม่สามารถหยิบเอาทองไปได้ เพราะกระจกจะไม่แตกร่วงลงมาแต่จะยังคงอยู่เป็นแผ่นเหมือนเดิมคนร้ายไม่สามารถล้วงเข้าไปหยิบทองได้อย่างแน่นอน ซึ่งในส่วนของผู้ประกอบการร้านทองได้สั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกสถานีเรียกผู้ประกอบการมาประชุมแล้ว