สุรินทร์- เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ร่วมกับเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าสุรินทร์ 2 และเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 217 ตรวจยึดไม้พะยูงจำนวน 102 ท่อน ขณะกำลังลำเลียงจากชายแดนไทย-กัมพูชา
เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 16 พฤษภาคม 55 พ.ต.อ.เอกกมนต์ พรชูเกียรติ ผู้กำกับการ กองกำกับการ 6 กองบังคับการตำรวจทางหลวง (ผกก.กก.6 บก.ทล.) ได้ปฏิบัติหน้าที่บนทางหลวงหมายเลข 214 ช่วงแยกอำเภอปราสาท-กาบเชิง อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ขณะปฏิบัติหน้าที่ได้ตรวจพบรถยนต์บรรทุกหกหกล้อ ยี่ห้ออีซูซุ หมายเลขทะเบียน 81-5587 ศรีสะเกษ วิ่งมาด้วยความเร็วสูงมุ่งหน้าเข้าสู่เมืองสุรินทร์ จึงได้นำรถวิทยุ หมายเลข 6003 เปิดสัญญาณไล่ติดตาม และส่งสัญญาณให้หยุดรถ
พบว่ารถถูกปิดด้วยผ้าใบ และกระสอบป่านบรรจุฟางข้าวปิดทับสิ่งของต้องสงสัยอีกชั้นหนึ่ง และได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน ที่ 217 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่า ที่สุรินทร์ 2 (สร.2) ทำการตรวจค้นสิ่งของที่บรรทุกอยู่บนกระบะรถ ตรวจพบไม้พะยูงท่อน และแปรรูป จำนวน 102 ท่อน ปริมาตร 5.15 ลูกบาศก์เมตร คิดเป็นเงินค่าภาคหลวง 505.60 บาท
เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายจัตุพล ภู่สุวรรณ อายุ 27 ปี ชาวบ้านหนองลี บ้านเลขที่ 26/1 ถ.ลัทธิวรรณ ต.นางรอง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นคนขับรถบรรทุกหกล้อ ให้การต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ได้รับการว่าจ้างจากคนในหมู่บ้านหนองลี อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ชื่อว่า นายต่อ เป็นเงินจำนวน 3,000 บาท ให้เดินทางมาขับรถบรรทุกหกล้อคันดังกล่าวที่มีคนขับมาจาก อ.กาบเชิง และมาเปลี่ยนคนขับที่ อ.ปราสาท เพื่อให้ขับรถบรรทุกสิ่งของภายในซึ่งไม่ทราบว่าเป็นอะไร แต่คนว่าจ้างบอกว่าไม่ใช่ของผิดกฎหมาย ตนจึงรับจ้างขับรถมาเพื่อนำไปส่งยัง อ.นางรอง
แต่ก็สงสัยว่าเมื่อมาขับรถแล้วทำไมคนว่าจ้างให้ขับเข้าไปในตัวเมืองสุรินทร์ แทนที่จะขับไปที่อำเภอนางรอง เมื่อขับรถมาถึงบริเวณหน้าสำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อ.ปราสาท ก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงตรวจค้น และจับกุม ตนยืนยันว่าไม่รู้ว่าของบนรถเป็นอะไร เพียงแต่รับจ้างขับรถจำนวน 3,000 บาทเพื่อไปยังอำเภอนางรองเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง กองกำกับการ 6 ทำการสอบปากคำผู้ต้องหา ปรากฏว่าได้มีโทรศัพท์ของผู้ว่าจ้างให้นายจัตุพลขับรถยนต์บรรทุกหกล้อติดต่อเข้ามา ถึงสองหมายเลข เจ้าหน้าที่รับสายแต่ไม่มีการพูดคุยและวางหูไป เจ้าหน้าที่ได้บันทึกหมายเลขที่ติดต่อเข้ามาเพื่อทำการสืบสวนสอบสวนขยายผลต่อไป
เจ้าหน้าที่จึงตั้งข้อหานายจัตุพล ภู่สุวรรณ เป็นการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 ในข้อหามาตรา 48, 69 ฐาน “มีไม้หวงห้ามไว้ในครอบครองเกิน 0.20 ลูกบาศก์เมตร โดยไม่ได้รับอนุญาต และมีไม้หวงห้ามยังมิได้แปรรูป โดยไม่มีรอยตราค่าภาคหลวงหรือรอยตรารัฐบาลขายไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต”
เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ สุรินทร์ 2 (สร.2) แจ้งว่า ไม้พะยูงทั้ง 102 ท่อนมีเส้นทางมาจากป่าไม้ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เขต อ.กาบเชิง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ มีปริมาตร 5.15 ลูกบาศก์เมตร คิดเป็นค่าภาคหลวง 505.60 บาท
แต่ไม้พะยูงเป็นไม้ที่มีราคาสูงมาก ไม้พะยูงใหม่ชื้อขายกันตามหน้าไม้ในตลาดลักลอบชื้อขาย ในเมืองไทยตกเมตรละ 1 แสนบาท ท่อนหนึ่งจะตัดยาว 2 เมตร ขายเป็นท่อน ท่อนละ 2 แสนบาท หากส่งไปขายยังต่างประเทศจะขายท่อนละ 6 แสนบาท ส่วนไม้พะยูงเก่าที่เป็นไม้ยืนต้น ไม้แก่นล่อน (ยืนต้นตาย) ไม้ล้มขอนนอนไพร ไม้ประเภทนี้เขาจะขายกันกิโลกรัมละ 20-100 บาท แต่หากส่งไปขายยังต่างประเทศ ขายกันกิโลกรัมละ 200-600 บาท ซึ่งถือว่าเป็นไม้ที่มีราคาสูงมาก และหากคิดมูลค่าไม้พะยูงที่จับกุมได้ในวันนี้มีมูลค่าในเมืองไทยไม่ต่ำกว่า 3 ล้านบาท เพราะมีทั้งไม้เก่า และไม้ใหม่ หากส่งไปขายยังต่างประเทศมูลค่าจะสูงกว่า 3 เท่าแน่นอน