"ธนารักษ์" เตรียมสำรวจราคาที่ดินราชพัสดุใหม่ทั่วประเทศ 140 แปลง เนื่องจากสภาพแวดล้อมและการขยายตัวของเมืองเปลี่ยนแปลงไปมาก ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี คาดแล้วเสร็จใน 3 เดือน พร้อมแจงข่าวสินทรัพย์นิ่งไม่หมุนเวียนมีมูลค่าสูงถึง 3.36 ล้านบาท เพราะผู้บริหารคนก่อนได้พยายามบริหารจัดการโดยยึดหลักประโยชน์สูงสุดของประเทศ มีทั้งรูปแบบของเม็ดเงินในเชิงเศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตของประชาชนในเชิงสังคม
นายนริศ ชัยสูตร อธิบดีกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ตนได้สั่งให้สำนักงานธนารักษ์ในพื้นที่ทั่วประเทศทำการสำรวจศักยภาพทางเศรษฐกิจที่ดิน 140 แปลงในทุกจังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี เนื่องจากสภาพแวดล้อม และการขยายตัวของเมืองเปลี่ยนแปลงไปมาก โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จไม่เกิน 3 เดือน
"คาดว่าแปลงใหญ่ 140 กว่าแปลงสามารถนำมาพัฒนา เช่น ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ท่าเทียบเรือต่างๆ แต่ก็มีบางแปลงที่ติดขัดในข้อกฎหมาย เช่น พ.ร.บ.การให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือการร่วมทุน กฎกระทรวง ข้อบังคับท้องถิ่น ซึ่งขณะนี้กรมธนารักษ์ได้พยายามผลักดันโครงการใหญ่ๆ ให้สำเร็จ เช่น การพัฒนาที่ราชพัสดุบริเวณสถานีขนส่งหมอชิต โครงการพัฒนาที่ราชพัสดุแปลง บบส. (เดิม) เป็นต้น"
ส่วนการเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินของรัฐนั้น ทางกรมธนารักษ์ได้ดำเนินการปรับปรุงราคาประเมินของที่ราชพัสดุให้เป็นปัจจุบัน โดยได้ดำเนินการมาแล้วในหลายจังหวัดที่ไม่มีผลกระทบจากปัญหาวิกฤตอุทกภัยที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากที่มีการประกาศใช้บัญชีกำหนดราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดิน และบัญชีกำหนดราคาประเมินทุนทรัพย์โรงเรือนสิ่งปลูกสร้าง รอบบัญชีปี พ.ศ. 2555 - 2558 เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2555 กรมธนารักษ์ได้สั่งการให้สำนักงานธนารักษ์พื้นที่ดำเนินการปรับปรุงให้เป็นปัจจุบัน โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จก่อนสิ้นปีนี้
ส่วนที่ดินราชพัสดุที่ปรากฏเป็นข่าวว่าเป็นสินทรัพย์นิ่งไม่หมุนเวียน มีมูลค่าสูงถึง 3.36 ล้านบาทนั้น ยอมรับว่าที่ผ่านมาผู้บริหารกรมธนารักษ์คนก่อนหน้านี้ได้พยายามบริหารจัดการที่ราชพัสดุโดยยึดหลักประโยชน์สูงสุดของประเทศ มีทั้งรูปแบบของเม็ดเงินในเชิงเศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตของประชาชนในเชิงสังคมด้วย เช่น นำที่ดินราชพัสดุให้ราษฎรเช่าเพื่ออยู่อาศัย และประกอบการเกษตร โดยกำหนดอัตราค่าเช่าในราคาถูก รวมถึงใช้สร้างสวนสาธารณะ สนามกีฬา ห้องสมุดประชาชน ศูนย์แห่งความสุข เป็นต้น