ม.หอการค้าไทยคาด ศุกร์ 13 ก.ค.นี้หากตัดสินยุบพรรคการเมืองเกิดความวุ่นวายแน่ ฉุดเศรษฐกิจไทยปีนี้โตได้แค่ 4-4.5% ถ้ายกฟ้องเศรษฐกิจโต 5% แต่ถ้าแก้ไขบางมาตรา เศรษฐกิจโตมากสุดเกิน 5.5%
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลกระทบจากคำตัดสินของศาลธรรมนูญเกี่ยวกับการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 13 ก.ค.นี้ที่จะมีต่อเศรษฐกิจไทยว่า ได้ประเมินผลกระทบของการตัดสินดังกล่าวตามแนวทางที่มีการคาดการณ์ไว้ 3 แนวทาง คือ การยกคำร้อง การตัดสินยุบพรรคการเมือง และการแก้ไขบางมาตรา โดยหากศาลมีคำตัดสินตามแนวทางแรกจะทำให้เสถียรภาพของรัฐบาลไม่ถูกสั่นคลอน การดำเนินนโยบายของรัฐบาลยังคงเดินหน้าต่อไปเหมือนเดิม แต่ต้องจับตาการชุมนุมประท้วงทางการเมือง หากไม่มี หรือมีแต่ไม่รุนแรงก็จะไม่กระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ คาดว่าปีนี้จะทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้แน่ 5%
แนวทางที่สอง หากศาลตัดสินให้มีการยุบพรรคการเมือง ก็จะก่อให้เกิดการชุมนุมประท้วงคัดค้านทันที และไม่น่าจะด้วยสันติวิธี คาดว่าน่าจะเกิดความรุนแรงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศจนส่งผลให้เกิดการถอนทุนออกจากประเทศไทย ภาคการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบ ทำให้รัฐบาลขาดเสถียรภาพ นโยบายต่างๆ ของรัฐบาลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจต้องหยุดชะงัก และเกิดสุญญากาศในการทำงาน นอกจากนี้ ยังจะทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นในการบริโภค ส่งผลให้การบริโภคในประเทศชะลอตัว ประกอบกับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก จึงคาดว่าน่าจะทำให้เศรษฐกิจปีนี้ขยายตัวได้เพียง 4-4.5% เท่านั้น
ส่วนแนวทางสุดท้าย หากศาลตัดสินให้แก้ไขบางมาตราก็จะเกิดผลกระทบเช่นเดียวกับแนวทางแรก คือ รัฐบาลยังคงมีเสถียรภาพต่อไป แต่จะมีความยืดหยุ่นมากกว่าแนวทางแรกตรงที่ ไม่ต้องเข้าสู่การพิจารณาวาระ 3 อีกแล้ว แต่ก็มีความเสี่ยงที่มาตราที่จะให้แก้ไขนั้นจะก่อให้เกิดความขัดแย้งทางการเมืองหรือไม่ และอาจเกิดการชุมนุมประท้วงนอกสภา ซึ่งจะกระทบต่อเศรษฐกิจได้ แต่ถ้าไม่มีการประท้วงที่รุนแรง เศรษฐกิจไทยปีนี้ก็น่าจะโตได้เกิน 5.5%
“สถานการณ์การเมืองมีความเปราะบางมาก ต่างชาติเริ่มกังวลมากขึ้น และสอบถามผ่านนักธุรกิจไทยแล้วว่าจะเกิดเหตุประท้วงรุนแรงอีกครั้งหรือไม่ บางประเทศกังวลว่าสถานการณ์การเมืองไทยจะกระทบต่อการลงทุนในอนาคต จึงหันไปลงทุนประเทศเพื่อนบ้านแทนแล้ว ซึ่งแนวทางแก้บางมาตราน่าจะเป็นกลางและกระทบน้อยที่สุด เอกชนไม่อยากเห็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่รุนแรงอีกแล้ว เพราะจะทำให้เศรษฐกิจไทยปีนี้โตแค่ 4-4.5% เท่านั้น ประกอบกับ ปีหน้าคาดว่าเศรษฐกิจโลกจะทรุดหนักกว่าปีนี้ ก็จะทำให้เศรษฐกิจไทยปีหน้าโตได้แค่ 4% เท่านั้น” นายธนวรรธน์กล่าว
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลกระทบจากคำตัดสินของศาลธรรมนูญเกี่ยวกับการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 13 ก.ค.นี้ที่จะมีต่อเศรษฐกิจไทยว่า ได้ประเมินผลกระทบของการตัดสินดังกล่าวตามแนวทางที่มีการคาดการณ์ไว้ 3 แนวทาง คือ การยกคำร้อง การตัดสินยุบพรรคการเมือง และการแก้ไขบางมาตรา โดยหากศาลมีคำตัดสินตามแนวทางแรกจะทำให้เสถียรภาพของรัฐบาลไม่ถูกสั่นคลอน การดำเนินนโยบายของรัฐบาลยังคงเดินหน้าต่อไปเหมือนเดิม แต่ต้องจับตาการชุมนุมประท้วงทางการเมือง หากไม่มี หรือมีแต่ไม่รุนแรงก็จะไม่กระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ คาดว่าปีนี้จะทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้แน่ 5%
แนวทางที่สอง หากศาลตัดสินให้มีการยุบพรรคการเมือง ก็จะก่อให้เกิดการชุมนุมประท้วงคัดค้านทันที และไม่น่าจะด้วยสันติวิธี คาดว่าน่าจะเกิดความรุนแรงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศจนส่งผลให้เกิดการถอนทุนออกจากประเทศไทย ภาคการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบ ทำให้รัฐบาลขาดเสถียรภาพ นโยบายต่างๆ ของรัฐบาลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจต้องหยุดชะงัก และเกิดสุญญากาศในการทำงาน นอกจากนี้ ยังจะทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นในการบริโภค ส่งผลให้การบริโภคในประเทศชะลอตัว ประกอบกับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก จึงคาดว่าน่าจะทำให้เศรษฐกิจปีนี้ขยายตัวได้เพียง 4-4.5% เท่านั้น
ส่วนแนวทางสุดท้าย หากศาลตัดสินให้แก้ไขบางมาตราก็จะเกิดผลกระทบเช่นเดียวกับแนวทางแรก คือ รัฐบาลยังคงมีเสถียรภาพต่อไป แต่จะมีความยืดหยุ่นมากกว่าแนวทางแรกตรงที่ ไม่ต้องเข้าสู่การพิจารณาวาระ 3 อีกแล้ว แต่ก็มีความเสี่ยงที่มาตราที่จะให้แก้ไขนั้นจะก่อให้เกิดความขัดแย้งทางการเมืองหรือไม่ และอาจเกิดการชุมนุมประท้วงนอกสภา ซึ่งจะกระทบต่อเศรษฐกิจได้ แต่ถ้าไม่มีการประท้วงที่รุนแรง เศรษฐกิจไทยปีนี้ก็น่าจะโตได้เกิน 5.5%
“สถานการณ์การเมืองมีความเปราะบางมาก ต่างชาติเริ่มกังวลมากขึ้น และสอบถามผ่านนักธุรกิจไทยแล้วว่าจะเกิดเหตุประท้วงรุนแรงอีกครั้งหรือไม่ บางประเทศกังวลว่าสถานการณ์การเมืองไทยจะกระทบต่อการลงทุนในอนาคต จึงหันไปลงทุนประเทศเพื่อนบ้านแทนแล้ว ซึ่งแนวทางแก้บางมาตราน่าจะเป็นกลางและกระทบน้อยที่สุด เอกชนไม่อยากเห็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่รุนแรงอีกแล้ว เพราะจะทำให้เศรษฐกิจไทยปีนี้โตแค่ 4-4.5% เท่านั้น ประกอบกับ ปีหน้าคาดว่าเศรษฐกิจโลกจะทรุดหนักกว่าปีนี้ ก็จะทำให้เศรษฐกิจไทยปีหน้าโตได้แค่ 4% เท่านั้น” นายธนวรรธน์กล่าว
