ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพฤษภาคมหัวทิ่มครั้งแรกรอบ 6 เดือน หลังรัฐบาลเดินหน้า พ.ร.บ.ปรองดอง ด้าน “พาณิชย์” ทำโพลสวน ชี้ความเชื่อมั่นพุ่งปรี๊ด สูงสุดในรอบ 8 เดือน
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นปรับตัวลดลงครั้งแรกในรอบ 6 เดือนนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2554 โดยดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมเท่ากับ 67.1 ลดลงจากเดือนที่แล้วที่ 67.5 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานทำเท่ากับ 68.1 ลดลงจาก 68.2 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตเท่ากับ 96.1 ลดลงจาก 97.1 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนพฤษภาคม 2555 เท่ากับ 77.1 ลดลงจากเดือนเมษายน 2555 ที่ 77.6 ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในอนาคตเท่ากับ 84.4 ลดลงจาก 85.4 ยกเว้นเพียงดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในปัจจุบันเท่ากับ 56.8 เพิ่มขึ้นจาก 56.2
ปัจจัยหลักที่ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นลดลง มาจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดความวุ่นวายในสภาผู้แทนราษฎรในเรื่องการพิจารณา พ.ร.บ.ปรองดอง และการชุมนุมประท้วงของกลุ่มต่างๆ รองลงมาเกิดจากปัญหาสินค้าและค่าครองชีพแพงไม่สอดคล้องกับรายได้ และยังเกิดจากความกังวลปัญหาหนี้สาธารณะในสหภาพยุโรป ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในเดือนพฤษภาคมปรับตัวลดลง 86.99 จุด รวมถึงการส่งออกในเดือนเมษายนที่ยังขยายตัวติดลบ 3.5% และขาดดุลการค้า 734 ล้านเหรียญสหรัฐ
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ได้แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่สำรวจโดยกระทรวงพาณิชย์ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพฤษภาคม 2555 เท่ากับ 27.4 เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายนที่เท่ากับ 24.3 สูงสุดในรอบ 8 เดือนนับจากเดือนตุลาคม 2554 ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดน้ำท่วมที่ค่าดัชนีเท่ากับ 23.8 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นที่มีต่อสถานการณ์ในปัจจุบันเท่ากับ 18.5 เพิ่มขึ้นจาก 15.6 และดัชนีความเชื่อมั่นที่มีต่อสถานการณ์ในอนาคตเท่ากับ 33.4 เพิ่มจาก 30.0 ขณะที่โอกาสในการหางานทำในปัจจุบันเท่ากับ 16.2 เพิ่มจาก 10.8 และโอกาสในการหางานทำในอนาคต 3 เดือนข้างหน้าเท่ากับ 13.9 เพิ่มจาก 9.9
“ไม่อยากจะบอกว่าให้เชื่อตัวเลขใคร แต่ของพาณิชย์ เราสำรวจกลุ่มตัวอย่างคลุมทั้งประเทศกว่า 3 พันตัวอย่าง ของหอการค้าไทยแค่ 2 พันกว่าตัวอย่าง และของเราทำครอบคลุมทั้งประเทศ เพราะมีเจ้าหน้าที่อยู่ทั้งประเทศ” นายยรรยงกล่าว
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นปรับตัวลดลงครั้งแรกในรอบ 6 เดือนนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2554 โดยดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมเท่ากับ 67.1 ลดลงจากเดือนที่แล้วที่ 67.5 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานทำเท่ากับ 68.1 ลดลงจาก 68.2 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตเท่ากับ 96.1 ลดลงจาก 97.1 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนพฤษภาคม 2555 เท่ากับ 77.1 ลดลงจากเดือนเมษายน 2555 ที่ 77.6 ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในอนาคตเท่ากับ 84.4 ลดลงจาก 85.4 ยกเว้นเพียงดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในปัจจุบันเท่ากับ 56.8 เพิ่มขึ้นจาก 56.2
ปัจจัยหลักที่ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นลดลง มาจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดความวุ่นวายในสภาผู้แทนราษฎรในเรื่องการพิจารณา พ.ร.บ.ปรองดอง และการชุมนุมประท้วงของกลุ่มต่างๆ รองลงมาเกิดจากปัญหาสินค้าและค่าครองชีพแพงไม่สอดคล้องกับรายได้ และยังเกิดจากความกังวลปัญหาหนี้สาธารณะในสหภาพยุโรป ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในเดือนพฤษภาคมปรับตัวลดลง 86.99 จุด รวมถึงการส่งออกในเดือนเมษายนที่ยังขยายตัวติดลบ 3.5% และขาดดุลการค้า 734 ล้านเหรียญสหรัฐ
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ได้แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่สำรวจโดยกระทรวงพาณิชย์ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพฤษภาคม 2555 เท่ากับ 27.4 เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายนที่เท่ากับ 24.3 สูงสุดในรอบ 8 เดือนนับจากเดือนตุลาคม 2554 ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดน้ำท่วมที่ค่าดัชนีเท่ากับ 23.8 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นที่มีต่อสถานการณ์ในปัจจุบันเท่ากับ 18.5 เพิ่มขึ้นจาก 15.6 และดัชนีความเชื่อมั่นที่มีต่อสถานการณ์ในอนาคตเท่ากับ 33.4 เพิ่มจาก 30.0 ขณะที่โอกาสในการหางานทำในปัจจุบันเท่ากับ 16.2 เพิ่มจาก 10.8 และโอกาสในการหางานทำในอนาคต 3 เดือนข้างหน้าเท่ากับ 13.9 เพิ่มจาก 9.9
“ไม่อยากจะบอกว่าให้เชื่อตัวเลขใคร แต่ของพาณิชย์ เราสำรวจกลุ่มตัวอย่างคลุมทั้งประเทศกว่า 3 พันตัวอย่าง ของหอการค้าไทยแค่ 2 พันกว่าตัวอย่าง และของเราทำครอบคลุมทั้งประเทศ เพราะมีเจ้าหน้าที่อยู่ทั้งประเทศ” นายยรรยงกล่าว
