ชงเรื่องเสนอที่ประชุมนโยบายท่องเที่ยว แนะรัฐหนุนลงทุนสร้างสตูดิโอ หวังดึงกองถ่ายภาพยนตร์ต่างประเทศเข้ามาใช้บริการ เล็งใช้เวทีนี้จี้ถามความคืบหน้ามาตรการอินเซนทีฟด้านภาษีของกรมสรรพากร ปลัดท่องเที่ยวเผย วาระที่ประชุมถก 6 ยุทธศาสตร์ท่องเที่ยว ดันรายได้แตะ 2 ล้านล้านบาทตามนโยบายรัฐบาล
นายสุวัตร สิทธิหล่อ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ในการประชุมแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายท่องเที่ยวเพื่อเพิ่มรายได้ภาคท่องเที่ยวให้ได้ 2 ล้านล้านบาทภายใน 4 ปีของรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 8 มิถุนายน 55 กรมการท่องเที่ยวได้เตรียมเสนอขอให้รัฐบาลออกมาตรการสนับสนุนการลงทุนสร้างสตูดิโอถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย เพื่อดึงดูดให้กองถ่ายทำภาพยนตร์ต่างชาติเลือกใช้ประเทศไทยเป็นสถานที่ถ่ายทำ และจะใช้โอกาสการประชุมครั้งนี้ถามความคืบหน้าการจัดทำมาตรการสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อจูงใจให้ภาพยนตร์ต่างชาติมาถ่ายทำ
“จากที่ ครม.ได้เห็นชอบในหลักการในการยกเว้นภาษีนักแสดงต่างชาติที่เข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย โดยให้กรมสรรพากรไปจัดทำรูปแบบการยกเว้น หรือลดหย่อน ซึ่งทราบว่าตอนนี้อยู่ในขั้นตอนรอประกาศในราชกิจจานุเบกษา และจะถือโอกาสสอบถามเรื่องการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่กองถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศที่เสนอขอไปแล้วด้วยว่ามีความเป็นไปได้แค่ไหน เพราะกรมสรรพากรเคยชี้แจงว่าไม่สามารถทำได้เพราะติดเรื่องโครงสร้างภาษีมูลค่าเพิ่มทั้งระบบ”
***ถก 6 ยุทธศาสตร์ดันรายได้ 2 ล้านล้านบาท
นายสุวัตรกล่าวอีกว่า ในการประชุมครั้งนี้จะหารือกันในเรื่อง 6 ยุทธศาสตร์ที่จะผลักดันให้เกิดรายได้จากการท่องเที่ยว ประกอบด้วย ด้านลอจิสติกส์ หารือเรื่องเส้นทางคมนาคมทางบก สร้างถนนเชื่อมต่อระหว่างประเทศที่เป็นเป้าหมายทางการท่องเที่ยว เน้นเส้นทางของเที่ยวบิน, การเพิ่มขีดความสามารถทางการรองรับผู้โดยสารจากสนามบินที่มีอยู่แล้ว, ดูเรื่องการสร้างท่าเรือ สนับสนุนการท่องเที่ยวทางน้ำ เช่น ท่าเรือหัวหิน-ชะอำ รองรับเรือสำราญ และทางรถไฟ ดูโครงการรถไฟความเร็วสูง อำนวยความสะดวกด้านการเดินทาง
ทางด้านยุทธศาสตร์การทำตลาดต่างประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จะนำเสนอเรื่องการสร้างความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยว เน้นการสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยจากมนุษย์และธรรมชาติ โดยประเด็นนี้คาดว่าจะต้องมีหลายหน่วยงานเข้ามารับผิดชอบการทำงานร่วมกัน นอกจากนั้นยังมีเรื่องของการสร้างแหล่งท่องเที่ยวเพื่อดึงดูดใจนักท่องเที่ยว (ทัวริสซึมแอตแทร็กชัน) นำเสนอรูปแบบการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ประเพณี การจัดกิจกรรม และแหล่งท่องเที่ยวเพื่อความบันเทิง ซึ่งเรื่องการสร้างสตูดิโอถ่ายทำภาพยนตร์ต่างชาติจะรวมอยู่ในยุทธศาสตร์นี้ด้วย นอกจากนั้นยังต้องมียุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาสินค้าและบริการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม ร้านอาหาร บริษัทนำเที่ยว สินค้าและบริการต่างๆ โดยเน้นในเรื่องของการบริหารจัดการเพื่อรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มมากขึ้นนับจากนี้ต่อไป
***เสนอ “ยิ่งลักษณ์” 17 มิถุนายน 55
อย่างไรก็ตาม การประชุมครั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เข้าเป็นประธานการประชุม ส่วนผลการประชุมที่ได้จะนำเสนอในการประชุมที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธานอีกครั้งวันที่ 17 มิถุนายนนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ผ่านมากองกิจการภาพยนตร์ โดยกรมการท่องเที่ยว ได้เสนอขอให้รัฐออกมาตรการสนับสนุนธุรกิจถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย ด้วยการให้อินเซนทีฟด้านภาษีในรูปแบบต่างๆ แต่ก็ยังไม่สามารถปฏิบัติได้เป็นรูปธรรม ทั้งที่ธุรกิจถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยสามารถสร้างรายได้เข้าประเทศได้มากถึงปีละกว่า 2,000 ล้านบาทเมื่อปี 2551 เติบโตจากปี 2550 กว่า 88% แต่เมื่อเกิดเหตุความรุนแรงทางการเมืองในประเทศไทย ประกอบกับไม่มีอินเซนทีฟจากภาครัฐเพื่อจูงใจ ทำให้รายได้จากธุรกิจนี้ลดลงเหลือ 897 ล้านบาทในปี 2552 ส่วนปี 2553 มีรายได้ 1,869 ล้านบาท และปี 2554 มีรายได้ 1,134 ล้านบาท สาเหตุน่าจะเป็นเพราะไม่มีหนังฟอร์มใหญ่เข้ามาถ่ายทำ มีเพียง ภาพยนตร์ซีรีส์ มิวสิกวิดีโอ และหนังโฆษณาเป็นส่วนใหญ่
นายสุวัตร สิทธิหล่อ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ในการประชุมแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายท่องเที่ยวเพื่อเพิ่มรายได้ภาคท่องเที่ยวให้ได้ 2 ล้านล้านบาทภายใน 4 ปีของรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 8 มิถุนายน 55 กรมการท่องเที่ยวได้เตรียมเสนอขอให้รัฐบาลออกมาตรการสนับสนุนการลงทุนสร้างสตูดิโอถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย เพื่อดึงดูดให้กองถ่ายทำภาพยนตร์ต่างชาติเลือกใช้ประเทศไทยเป็นสถานที่ถ่ายทำ และจะใช้โอกาสการประชุมครั้งนี้ถามความคืบหน้าการจัดทำมาตรการสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อจูงใจให้ภาพยนตร์ต่างชาติมาถ่ายทำ
“จากที่ ครม.ได้เห็นชอบในหลักการในการยกเว้นภาษีนักแสดงต่างชาติที่เข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย โดยให้กรมสรรพากรไปจัดทำรูปแบบการยกเว้น หรือลดหย่อน ซึ่งทราบว่าตอนนี้อยู่ในขั้นตอนรอประกาศในราชกิจจานุเบกษา และจะถือโอกาสสอบถามเรื่องการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่กองถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศที่เสนอขอไปแล้วด้วยว่ามีความเป็นไปได้แค่ไหน เพราะกรมสรรพากรเคยชี้แจงว่าไม่สามารถทำได้เพราะติดเรื่องโครงสร้างภาษีมูลค่าเพิ่มทั้งระบบ”
***ถก 6 ยุทธศาสตร์ดันรายได้ 2 ล้านล้านบาท
นายสุวัตรกล่าวอีกว่า ในการประชุมครั้งนี้จะหารือกันในเรื่อง 6 ยุทธศาสตร์ที่จะผลักดันให้เกิดรายได้จากการท่องเที่ยว ประกอบด้วย ด้านลอจิสติกส์ หารือเรื่องเส้นทางคมนาคมทางบก สร้างถนนเชื่อมต่อระหว่างประเทศที่เป็นเป้าหมายทางการท่องเที่ยว เน้นเส้นทางของเที่ยวบิน, การเพิ่มขีดความสามารถทางการรองรับผู้โดยสารจากสนามบินที่มีอยู่แล้ว, ดูเรื่องการสร้างท่าเรือ สนับสนุนการท่องเที่ยวทางน้ำ เช่น ท่าเรือหัวหิน-ชะอำ รองรับเรือสำราญ และทางรถไฟ ดูโครงการรถไฟความเร็วสูง อำนวยความสะดวกด้านการเดินทาง
ทางด้านยุทธศาสตร์การทำตลาดต่างประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จะนำเสนอเรื่องการสร้างความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยว เน้นการสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยจากมนุษย์และธรรมชาติ โดยประเด็นนี้คาดว่าจะต้องมีหลายหน่วยงานเข้ามารับผิดชอบการทำงานร่วมกัน นอกจากนั้นยังมีเรื่องของการสร้างแหล่งท่องเที่ยวเพื่อดึงดูดใจนักท่องเที่ยว (ทัวริสซึมแอตแทร็กชัน) นำเสนอรูปแบบการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ประเพณี การจัดกิจกรรม และแหล่งท่องเที่ยวเพื่อความบันเทิง ซึ่งเรื่องการสร้างสตูดิโอถ่ายทำภาพยนตร์ต่างชาติจะรวมอยู่ในยุทธศาสตร์นี้ด้วย นอกจากนั้นยังต้องมียุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาสินค้าและบริการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม ร้านอาหาร บริษัทนำเที่ยว สินค้าและบริการต่างๆ โดยเน้นในเรื่องของการบริหารจัดการเพื่อรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มมากขึ้นนับจากนี้ต่อไป
***เสนอ “ยิ่งลักษณ์” 17 มิถุนายน 55
อย่างไรก็ตาม การประชุมครั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เข้าเป็นประธานการประชุม ส่วนผลการประชุมที่ได้จะนำเสนอในการประชุมที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธานอีกครั้งวันที่ 17 มิถุนายนนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ผ่านมากองกิจการภาพยนตร์ โดยกรมการท่องเที่ยว ได้เสนอขอให้รัฐออกมาตรการสนับสนุนธุรกิจถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย ด้วยการให้อินเซนทีฟด้านภาษีในรูปแบบต่างๆ แต่ก็ยังไม่สามารถปฏิบัติได้เป็นรูปธรรม ทั้งที่ธุรกิจถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยสามารถสร้างรายได้เข้าประเทศได้มากถึงปีละกว่า 2,000 ล้านบาทเมื่อปี 2551 เติบโตจากปี 2550 กว่า 88% แต่เมื่อเกิดเหตุความรุนแรงทางการเมืองในประเทศไทย ประกอบกับไม่มีอินเซนทีฟจากภาครัฐเพื่อจูงใจ ทำให้รายได้จากธุรกิจนี้ลดลงเหลือ 897 ล้านบาทในปี 2552 ส่วนปี 2553 มีรายได้ 1,869 ล้านบาท และปี 2554 มีรายได้ 1,134 ล้านบาท สาเหตุน่าจะเป็นเพราะไม่มีหนังฟอร์มใหญ่เข้ามาถ่ายทำ มีเพียง ภาพยนตร์ซีรีส์ มิวสิกวิดีโอ และหนังโฆษณาเป็นส่วนใหญ่
