“เอสพีซีจี” ฟุ้งปีนี้ผุดโครงการโซลาร์ฟาร์มเพิ่มเป็น 18-20 โครงการเกินเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ หลังแบงก์ปล่อยกู้เพิ่ม ดันรายได้ปีนี้โตกว่า 100% มองโอกาสลงทุนในญี่ปุ่นและอินโดนีเซียเพิ่มเติม เผยศึกษาช่องทางระดมเงินทั้งออกหุ้นกู้และหาพันธมิตรหากการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานไม่สำเร็จ
นางสาววันดี กุญชรยาคง ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทฯ เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) (SPCG) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯ มีแผนจะพัฒนาโครงการโซลาร์ฟาร์มให้แล้วเสร็จเป็น 18-20 โครงการ จากเดิมที่คาดว่าสิ้นปีนี้จะมีโครงการโซลาร์ฟาร์มแล้วเสร็จ 16 โครงการ ทำให้บริษัทมีรายได้โตกว่า 100% เมื่อเทียบจากปี 2554 ที่มีรายได้รวม 578.6 ล้านบาท
โดยไตรมาส 2/2555 บริษัทฯ จะมีผลดำเนินงานดีกว่าไตรมาส 1/2555 ที่มีรายได้รวม 207.3 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 31.3 ล้านบาท เนื่องจากรับรู้รายได้จากโครงการโซลาร์ฟาร์มที่จ่ายไฟเข้าระบบจำนวน 4 โครงการ โครงการละ 7.46 เมกะวัตต์ จากจำนวนเป้าหมายโซลาร์ฟาร์มที่จะแล้วเสร็จจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ในปีนี้ 9 โครงการ
นอกจากนี้ ทางธนาคารกสิกรไทยได้ให้สินเชื่อในการจัดซื้อที่ดินเพิ่มเติม ทำให้ตัดสินใจเร่งเดินหน้าโครงการโซลาร์ฟาร์มเพิ่มอีก 4 โครงการ ขณะนี้อยู่ระหว่างการถมที่ดิน โดยอาจล่าช้าไปบ้างเนื่องจากอยู่ในช่วงฤดูฝนแต่มั่นใจปลายปีนี้แล้วเสร็จแน่นอน และปีถัดไปจะเร่งโครงการโซลาร์ฟาร์มที่เหลือให้แล้วเสร็จครบ 34 โครงการ คิดเป็นกำลังการผลิตรวม 241 เมกะวัตต์ นับเป็นผู้ผลิตโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์รายใหญ่ในไทย
นางสาววันดีกล่าวถึงแหล่งเงินทุนว่า คณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติให้ศึกษาการตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) โดยตั้งธนาคารกสิกรไทยเป็นที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อพิจารณา คาดว่าเดือนมิถุนายนนี้จะมีความชัดเจน ขณะเดียวกันก็ศึกษาช่องทางการระดมทุนอื่นๆ ด้วย เช่น การออกหุ้นกู้ รวมทั้งหาพันธมิตรร่วมทุน หากการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเกิดความล่าช้าจนกระทบโครงการลงทุนโซลาร์ฟาร์มที่จะต้องแล้วเสร็จในปี 2555
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังดูลู่ทางการลงทุนโครงการโซลาร์ฟาร์มในต่างประเทศโดยเฉพาะอินโดนีเซีย และญี่ปุ่น ที่ประเทศเหล่านี้มีการส่งเสริมการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ โดยจะร่วมทุนกับพันธมิตรในท้องถิ่นเพื่อพัฒนาโครงการดังกล่าว
ส่วนในประเทศ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจาซื้อหรือร่วมทุนโครงการโซลาร์ฟาร์มที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแล้ว คาดว่าจะมีความชัดเจนในเร็วๆ นี้ รวมทั้งสนใจลงทุนโครงการ Solar Roof Top หากรัฐมีนโยบายส่งเสริมอย่างชัดเจน เนื่องจากบริษัทฯ เป็นผู้มีความรู้และประสบการณ์ในการออกแบบดีไซน์และรับเหมาติดตั้ง
นางสาววันดี กุญชรยาคง ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทฯ เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) (SPCG) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯ มีแผนจะพัฒนาโครงการโซลาร์ฟาร์มให้แล้วเสร็จเป็น 18-20 โครงการ จากเดิมที่คาดว่าสิ้นปีนี้จะมีโครงการโซลาร์ฟาร์มแล้วเสร็จ 16 โครงการ ทำให้บริษัทมีรายได้โตกว่า 100% เมื่อเทียบจากปี 2554 ที่มีรายได้รวม 578.6 ล้านบาท
โดยไตรมาส 2/2555 บริษัทฯ จะมีผลดำเนินงานดีกว่าไตรมาส 1/2555 ที่มีรายได้รวม 207.3 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 31.3 ล้านบาท เนื่องจากรับรู้รายได้จากโครงการโซลาร์ฟาร์มที่จ่ายไฟเข้าระบบจำนวน 4 โครงการ โครงการละ 7.46 เมกะวัตต์ จากจำนวนเป้าหมายโซลาร์ฟาร์มที่จะแล้วเสร็จจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ในปีนี้ 9 โครงการ
นอกจากนี้ ทางธนาคารกสิกรไทยได้ให้สินเชื่อในการจัดซื้อที่ดินเพิ่มเติม ทำให้ตัดสินใจเร่งเดินหน้าโครงการโซลาร์ฟาร์มเพิ่มอีก 4 โครงการ ขณะนี้อยู่ระหว่างการถมที่ดิน โดยอาจล่าช้าไปบ้างเนื่องจากอยู่ในช่วงฤดูฝนแต่มั่นใจปลายปีนี้แล้วเสร็จแน่นอน และปีถัดไปจะเร่งโครงการโซลาร์ฟาร์มที่เหลือให้แล้วเสร็จครบ 34 โครงการ คิดเป็นกำลังการผลิตรวม 241 เมกะวัตต์ นับเป็นผู้ผลิตโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์รายใหญ่ในไทย
นางสาววันดีกล่าวถึงแหล่งเงินทุนว่า คณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติให้ศึกษาการตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) โดยตั้งธนาคารกสิกรไทยเป็นที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อพิจารณา คาดว่าเดือนมิถุนายนนี้จะมีความชัดเจน ขณะเดียวกันก็ศึกษาช่องทางการระดมทุนอื่นๆ ด้วย เช่น การออกหุ้นกู้ รวมทั้งหาพันธมิตรร่วมทุน หากการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเกิดความล่าช้าจนกระทบโครงการลงทุนโซลาร์ฟาร์มที่จะต้องแล้วเสร็จในปี 2555
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังดูลู่ทางการลงทุนโครงการโซลาร์ฟาร์มในต่างประเทศโดยเฉพาะอินโดนีเซีย และญี่ปุ่น ที่ประเทศเหล่านี้มีการส่งเสริมการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ โดยจะร่วมทุนกับพันธมิตรในท้องถิ่นเพื่อพัฒนาโครงการดังกล่าว
ส่วนในประเทศ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจาซื้อหรือร่วมทุนโครงการโซลาร์ฟาร์มที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแล้ว คาดว่าจะมีความชัดเจนในเร็วๆ นี้ รวมทั้งสนใจลงทุนโครงการ Solar Roof Top หากรัฐมีนโยบายส่งเสริมอย่างชัดเจน เนื่องจากบริษัทฯ เป็นผู้มีความรู้และประสบการณ์ในการออกแบบดีไซน์และรับเหมาติดตั้ง