เอ็กโก กรุ๊ปจับมือยันฮี โซล่าฯร่วมทุนตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 6 โครงการ รวม 57เมกะวัตต์ มูลค่ารวม 7 พันล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จก.ค.56 พร้อมทั้งเร่งแสวงหาการลงทุนในต่างประเทศ โดยเจรจาซื้อโรงไฟฟ้าถ่านหิน 500 เมกะวัตต์ในต่างประเทศ คาดได้ข้อสรุปไตรมาส3นี้ เตรียมโยกโรงไฟฟ้าระยองไปพม่า หากกฟผ.ไม่ต่อสัญญารับซื้อไฟหลังสิ้นสุดปี 57
วานนี้ (27 ก.พ.) บริษัท ผลิตไฟฟ้าจำกัด (มหาชน) ลงนามสัญญาร่วมทุนกับบริษัท ยันฮี โซล่า เพาเวอร์ จำกัด ในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จำนวน 6 โครงการ รวมกำลังการผลิต 57 เมกะวัตต์ มูลค่าโครงการรวม 7 พันล้านบาท นายสหัส ประทักษ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน)หรือเอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยว่า โครงการร่วมทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้ง 6 โครงการ จะมีกำลังการผลิตโครงการละ 9.5 เมกะวัตต์ โดยทุกโครงการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ระยะเวลา 5ปี และสามารถต่อสัญญาได้ทุก 5 ปีตลอดอายุสัญญาโครงการ 25 ปีโดยได้รับเงินสนับสนุน(ADDER)จากกองทุนพัฒนาไฟฟ้าสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สกพ.)จำนวน 8 บาทต่อหน่วย เป็นระยะเวลา 10 ปีแรก
โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์นี้ ทางเอ็กโก กรุ๊ปจะถือหุ้น 49% และบริษัท ยันฮี โซล่า เพาเวอร์ ถือหุ้น 51% โดยโรงไฟฟ้าดังกล่าวจะตั้งอยู่ที่อ.บางเลน จ.นครปฐม จำนวน 5 โครงการและอ.สองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณอีก 1 โครงการ คาดว่าจะแล้วเสร็จผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้กรกฎาคม 2556 โดยทั้งหมดจะใช้แผงเซลล์แสงอาทิตยประเภทผนึกรวม ซึ่งเป็นเซลล์ที่มีประสิทธิภาพสูง ใช้กันอย่างแพร่หลายและอายุการใช้งานยาวนาน
นายสหัส กล่าวต่อไปว่า การลงทุนครั้งนี้สอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ของเอ็กโก กรุ๊ปที่มุ่งมั่นพัฒนาพลังงานหมุนเวียน โดยมีเป้าหมายที่จะผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนครบ 300 เมกะวัตต์ภายในปี 2558 คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 2.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯมีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนแล้ว 40 เมกะวัตต์ หากรวมกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ร่วมทุนกันยันฮี โซล่าฯดังกล่าวแล้วจะทำให้บริษัทฯมีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้นเป็น 70 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ บริษัทฯยังอยู่ระหว่างการเจรจาร่วมทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มเติมอีก 1-2 โครงการ และโครงการโรงไฟฟ้าพลังลมอีก 1-2 โครงการ
นายสหัส กล่าวต่อไปว่า สำหรับการแสวงหาการลงทุนโรงไฟฟ้าในต่างประเทศนั้น บริษัทฯสนใจลงทุนโรงไฟฟ้าในอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ซึ่งล่าสุดบริษัทฯอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อกิจการโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาด 500เมกะวัตต์คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส2หรือต้นไตรมาส 3 นี้ โดยบริษัทจะเข้าไปถือหุ้นอย่างน้อย 25% ส่วนความคืบหน้าการขยายกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าเควซอน ที่ฟิลิปปินส์อีก 500 เมกะวัตต์นั้น คาดว่าไตรมาส3 จะได้ข้อสรุปการลงทุนส่วนต่อขยาย รวมทั้งสัดส่วนการถือหุ้นของพันธมิตรร่วมทุนด้วย
สำหรับการลงทุนโรงไฟฟ้าในพม่านั้น บริษัทฯมีแผนที่จะนำโรงไฟฟ้าระยองย้ายไปติดตั้งที่พม่าโดยใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง เพื่อรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าในพม่า หากกฟผ.ไม่ต่ออายุสัญญารับซื้อไฟฟ้ากับบริษัทฯหลังสิ้นสุดสัญญาในปี2557 ซึ่งบริษัทฯคาดว่าจะได้รับคำตอบจากกฟผ.ภายในปีนี้
นายแพทย์สุพจน์ สัมฤทธิวณิชชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยันฮี โซล่า เพาเวอร์ จำกัด กล่าวว่า ทางยันฮี โซล่า เพาเวอร์มีการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 2 เฟส โดยเฟสแรก บริษัทร่วมลงทุนกับบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรี โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)จำนวน 34.25 เมกะวัตต์ โดยโครงการโรงไฟฟ้าดังกล่าวจะตั้งอยู่ที่จ.พระนครศรีอยุธยา จังหวัดนครปฐม และสุพรรณบุรีซึ่งปัจจุบันโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เฟสแรกนี้อยู่ระหว่างการติดตั้งคาดว่าจะแล้วเสร็จสิ้นมิ.ย. 2555 ล่าช้ากว่ากำหนดการเดิม 6 เดือน เนื่องจากประสบปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ตั้งโรงไฟฟ้า ทำให้บริษัทฯต้องมีการสร้างคันดินให้สูงกว่าระดับพื้นท้องนา3 เมตร เพื่อป้องกันน้ำท่วมในอนาคต
ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เฟส 2 อีก 57 เมกะวัตต์นั้น บริษัทฯร่วมทุนกับเอ็กโก กรุ๊ป เนื่องจากเดิมบริษัทฯเข้าใจว่าบมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จะไม่ลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มเติมอีกหลังลงทุนครบตามเป้าหมาย 100 เมกะวัตต์ จึงได้มีการหาพาร์ทเนอร์ใหม่แทน
นายแพทย์สุพจน์ กล่าวต่อไปว่า หลังสิ้นสุดการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้ง 2 เฟสแล้ว บริษัทฯยังไม่มีแผนจะลงทุนใหม่เพิ่มเติม เนื่องจากไม่มีใบอนุญาตรับซื้อไฟฟ้าจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอีกแล้ว โดยใช้พื้นที่ในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์รวมทั้ง2 เฟสประมาณ 1.6 พันไร่
วานนี้ (27 ก.พ.) บริษัท ผลิตไฟฟ้าจำกัด (มหาชน) ลงนามสัญญาร่วมทุนกับบริษัท ยันฮี โซล่า เพาเวอร์ จำกัด ในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จำนวน 6 โครงการ รวมกำลังการผลิต 57 เมกะวัตต์ มูลค่าโครงการรวม 7 พันล้านบาท นายสหัส ประทักษ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน)หรือเอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยว่า โครงการร่วมทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้ง 6 โครงการ จะมีกำลังการผลิตโครงการละ 9.5 เมกะวัตต์ โดยทุกโครงการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ระยะเวลา 5ปี และสามารถต่อสัญญาได้ทุก 5 ปีตลอดอายุสัญญาโครงการ 25 ปีโดยได้รับเงินสนับสนุน(ADDER)จากกองทุนพัฒนาไฟฟ้าสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สกพ.)จำนวน 8 บาทต่อหน่วย เป็นระยะเวลา 10 ปีแรก
โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์นี้ ทางเอ็กโก กรุ๊ปจะถือหุ้น 49% และบริษัท ยันฮี โซล่า เพาเวอร์ ถือหุ้น 51% โดยโรงไฟฟ้าดังกล่าวจะตั้งอยู่ที่อ.บางเลน จ.นครปฐม จำนวน 5 โครงการและอ.สองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณอีก 1 โครงการ คาดว่าจะแล้วเสร็จผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้กรกฎาคม 2556 โดยทั้งหมดจะใช้แผงเซลล์แสงอาทิตยประเภทผนึกรวม ซึ่งเป็นเซลล์ที่มีประสิทธิภาพสูง ใช้กันอย่างแพร่หลายและอายุการใช้งานยาวนาน
นายสหัส กล่าวต่อไปว่า การลงทุนครั้งนี้สอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ของเอ็กโก กรุ๊ปที่มุ่งมั่นพัฒนาพลังงานหมุนเวียน โดยมีเป้าหมายที่จะผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนครบ 300 เมกะวัตต์ภายในปี 2558 คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 2.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯมีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนแล้ว 40 เมกะวัตต์ หากรวมกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ร่วมทุนกันยันฮี โซล่าฯดังกล่าวแล้วจะทำให้บริษัทฯมีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้นเป็น 70 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ บริษัทฯยังอยู่ระหว่างการเจรจาร่วมทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มเติมอีก 1-2 โครงการ และโครงการโรงไฟฟ้าพลังลมอีก 1-2 โครงการ
นายสหัส กล่าวต่อไปว่า สำหรับการแสวงหาการลงทุนโรงไฟฟ้าในต่างประเทศนั้น บริษัทฯสนใจลงทุนโรงไฟฟ้าในอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ซึ่งล่าสุดบริษัทฯอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อกิจการโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาด 500เมกะวัตต์คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส2หรือต้นไตรมาส 3 นี้ โดยบริษัทจะเข้าไปถือหุ้นอย่างน้อย 25% ส่วนความคืบหน้าการขยายกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าเควซอน ที่ฟิลิปปินส์อีก 500 เมกะวัตต์นั้น คาดว่าไตรมาส3 จะได้ข้อสรุปการลงทุนส่วนต่อขยาย รวมทั้งสัดส่วนการถือหุ้นของพันธมิตรร่วมทุนด้วย
สำหรับการลงทุนโรงไฟฟ้าในพม่านั้น บริษัทฯมีแผนที่จะนำโรงไฟฟ้าระยองย้ายไปติดตั้งที่พม่าโดยใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง เพื่อรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าในพม่า หากกฟผ.ไม่ต่ออายุสัญญารับซื้อไฟฟ้ากับบริษัทฯหลังสิ้นสุดสัญญาในปี2557 ซึ่งบริษัทฯคาดว่าจะได้รับคำตอบจากกฟผ.ภายในปีนี้
นายแพทย์สุพจน์ สัมฤทธิวณิชชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยันฮี โซล่า เพาเวอร์ จำกัด กล่าวว่า ทางยันฮี โซล่า เพาเวอร์มีการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 2 เฟส โดยเฟสแรก บริษัทร่วมลงทุนกับบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรี โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)จำนวน 34.25 เมกะวัตต์ โดยโครงการโรงไฟฟ้าดังกล่าวจะตั้งอยู่ที่จ.พระนครศรีอยุธยา จังหวัดนครปฐม และสุพรรณบุรีซึ่งปัจจุบันโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เฟสแรกนี้อยู่ระหว่างการติดตั้งคาดว่าจะแล้วเสร็จสิ้นมิ.ย. 2555 ล่าช้ากว่ากำหนดการเดิม 6 เดือน เนื่องจากประสบปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ตั้งโรงไฟฟ้า ทำให้บริษัทฯต้องมีการสร้างคันดินให้สูงกว่าระดับพื้นท้องนา3 เมตร เพื่อป้องกันน้ำท่วมในอนาคต
ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เฟส 2 อีก 57 เมกะวัตต์นั้น บริษัทฯร่วมทุนกับเอ็กโก กรุ๊ป เนื่องจากเดิมบริษัทฯเข้าใจว่าบมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จะไม่ลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มเติมอีกหลังลงทุนครบตามเป้าหมาย 100 เมกะวัตต์ จึงได้มีการหาพาร์ทเนอร์ใหม่แทน
นายแพทย์สุพจน์ กล่าวต่อไปว่า หลังสิ้นสุดการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้ง 2 เฟสแล้ว บริษัทฯยังไม่มีแผนจะลงทุนใหม่เพิ่มเติม เนื่องจากไม่มีใบอนุญาตรับซื้อไฟฟ้าจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอีกแล้ว โดยใช้พื้นที่ในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์รวมทั้ง2 เฟสประมาณ 1.6 พันไร่
