นายสหัส ประทักษ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือEGCO เปิดเผยว่าปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนไว้กว่า 1 หมื่นล้านบาท เพื่อลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าต่างๆทั้งในและต่างประเทศ โดย เน้นโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 3 พันล้านบาท ซึ่งขณะนี้มีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และพลังลมอยู่ระหว่างการเจรจา 10 โครงการ ส่วนเงินที่เหลือจะใช้ลงทุนในต่างประเทศ เน้นเพื่อนบ้านทั้งสปป.ลาว และพม่า เพื่อส่งไฟกลับมาขายในไทยได้ และลงทุนในประเทศใกล้เคียงอย่าง ฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย
โดยงบลงทุนปีนี้ส่วนใหญ่จะเป็นการซื้อหุ้นหรือกิจการ(M&A)โรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องแล้ว เพื่อให้สามารถรับรู้รายได้ทันที หรืออยู่ระหว่างการก่อสร้างที่สามารถสร้างผลตอบแทนภายใน 2-3 ปีข้างหน้า ขณะที่บริษัทฯตั้งเป้าหมายในส่วนกำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 5 พันล้านบาท จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 4.99 พันล้านบาท
ขณะที่การลงทุนเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซีย ขณะนี้มีนักลงทุนท้องถิ่นชวนให้เอ็กโกเข้าไปร่วมถือหุ้นในเหมืองถ่านหินขนาดกลาง ปริมาณสำรอง 100 กว่าล้านตันและผลิตเชิงพาณิชย์แล้ว คาดได้ข้อสรุปภายใน 3 เดือนนี้ โดยบริษัทฯต้องการถือหุ้น 25-30% เพื่อสร้างความมั่นคงด้านเชื้อเพลิงให้กับโรงไฟฟ้าในกลุ่มเอ็กโกที่มีโรงไฟฟ้าถ่านหินอยู่หลายโครงการ
นอกจากนี้ บริษัทฯได้ยื่นต่ออายุสัญญาโรงไฟฟ้าระยองไปให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ก่อนที่สัญญาซื้อขายไฟฟ้าจะสิ้นสุดลงในปี 57 เชื่อว่า กฟผ.จะให้คำตอบกับบริษัทฯได้ภายในปีนี้ ซึ่งบริษัทฯ รับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าระยองและโรงไฟฟ้าขนอมลดลงอย่างต่อเนื่อง จึงต้องเร่งหาโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ๆเข้ามาเสริมรายได้ให้แข็งแกร่งขึ้น
ส่วนความคืบหน้าการขยายกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าเควซอน ฟิลิปปินส์อีก 500 เมกะวัตต์นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับ Meralco การไฟฟ้าของฟิลิปปินส์ที่เป็นผู้รับซื้อไฟ ซึ่งการไฟฟ้าฟิลิปปินส์เองสนใจที่จะเข้ามาร่วมทุนในโครงการส่วนขยาย ซึ่งปัจจุบันเอ็กโกได้เข้าไปถือหุ้นในเควซอนแล้ว 52.125% คิดเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้น262 เมกะวัตต์
" การเข้าไปประมูลซื้อโรงไฟฟ้าจีเอส ที่เกาหลีใต้ในปีที่แล้ว คาดว่าจะพลาด ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ-น้ำเทิน 1 ที่ลาวนั้น สัญญาสัมปทานจะสิ้นสุดลง คงต้องแล้วแต่รัฐบาลลาวจะให้สัมปทานกับใคร ซึ่งเอ็กโกเองก็ยังสนใจโครงการนี้อยู่ "
โดยงบลงทุนปีนี้ส่วนใหญ่จะเป็นการซื้อหุ้นหรือกิจการ(M&A)โรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องแล้ว เพื่อให้สามารถรับรู้รายได้ทันที หรืออยู่ระหว่างการก่อสร้างที่สามารถสร้างผลตอบแทนภายใน 2-3 ปีข้างหน้า ขณะที่บริษัทฯตั้งเป้าหมายในส่วนกำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 5 พันล้านบาท จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 4.99 พันล้านบาท
ขณะที่การลงทุนเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซีย ขณะนี้มีนักลงทุนท้องถิ่นชวนให้เอ็กโกเข้าไปร่วมถือหุ้นในเหมืองถ่านหินขนาดกลาง ปริมาณสำรอง 100 กว่าล้านตันและผลิตเชิงพาณิชย์แล้ว คาดได้ข้อสรุปภายใน 3 เดือนนี้ โดยบริษัทฯต้องการถือหุ้น 25-30% เพื่อสร้างความมั่นคงด้านเชื้อเพลิงให้กับโรงไฟฟ้าในกลุ่มเอ็กโกที่มีโรงไฟฟ้าถ่านหินอยู่หลายโครงการ
นอกจากนี้ บริษัทฯได้ยื่นต่ออายุสัญญาโรงไฟฟ้าระยองไปให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ก่อนที่สัญญาซื้อขายไฟฟ้าจะสิ้นสุดลงในปี 57 เชื่อว่า กฟผ.จะให้คำตอบกับบริษัทฯได้ภายในปีนี้ ซึ่งบริษัทฯ รับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าระยองและโรงไฟฟ้าขนอมลดลงอย่างต่อเนื่อง จึงต้องเร่งหาโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ๆเข้ามาเสริมรายได้ให้แข็งแกร่งขึ้น
ส่วนความคืบหน้าการขยายกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าเควซอน ฟิลิปปินส์อีก 500 เมกะวัตต์นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับ Meralco การไฟฟ้าของฟิลิปปินส์ที่เป็นผู้รับซื้อไฟ ซึ่งการไฟฟ้าฟิลิปปินส์เองสนใจที่จะเข้ามาร่วมทุนในโครงการส่วนขยาย ซึ่งปัจจุบันเอ็กโกได้เข้าไปถือหุ้นในเควซอนแล้ว 52.125% คิดเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้น262 เมกะวัตต์
" การเข้าไปประมูลซื้อโรงไฟฟ้าจีเอส ที่เกาหลีใต้ในปีที่แล้ว คาดว่าจะพลาด ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ-น้ำเทิน 1 ที่ลาวนั้น สัญญาสัมปทานจะสิ้นสุดลง คงต้องแล้วแต่รัฐบาลลาวจะให้สัมปทานกับใคร ซึ่งเอ็กโกเองก็ยังสนใจโครงการนี้อยู่ "