สมาคมผู้ผลิตเครื่องดื่มเตรียมเสนอมาตรการรัฐบาลลดค่าครองชีพประชาชน ต้นทุนการผลิตด้วยการปรับลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายบริโภคในประเทศ จาก 5 บาทต่อ กก.เหลือ 4 บาทต่อ กก. ซึ่งจะมีผลให้ราคาขายปลีกน้ำตาลทรายลดลง 1 บาทต่อ กก.ทันที
นายประจวบ ตยาคีพิสุทธิ์ รองประธานกรรมการบริหารสมาคมฯ และโฆษกสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องดื่มไทย ในฐานะประธานสายงานขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการบริหารสมาคมฯ เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคมที่ผ่านมาสมาชิกได้มีข้อสังเกตร่วมกันว่าที่ผ่านมาสมาชิกได้ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการตรึงราคาสินค้ามาอย่างต่อเนื่องและยังได้เสนอมาตรการช่วยลดต้นทุนของผู้ประกอบการด้วยการขอลดอัตราการจัดเก็บเงินอุดหนุนเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายสำหรับน้ำตาลบริโภคในประเทศ (โควตา ก.) จากกิโลกรัมละ 5 บาทเหลือ 4 บาท ซึ่งนอกจากจะลดต้นทุนของผู้ประกอบการแล้วประชาชนทั่วไปก็จะได้บริโภคน้ำตาลในราคาที่ถูกลง 1 บาทต่อ กก.ด้วย แต่รัฐบาลไม่ได้พิจารณาสมาคมฯจึงจะประสานภาครัฐเพื่อนำเสนอมาตรการดังกล่าวอีกครั้ง
“การปรับราคาสินค้าเป็นเรื่องของสมาชิกแต่ละราย ซึ่งสมาคมฯ ไม่สามารถไปชี้นำหรือก้าวก่ายได้ แต่เห็นว่าแนวทางการลดต้นทุนผู้ประกอบการนั้นรัฐบาลควรจะพิจารณาด้วย” นายประจวบกล่าว
ทั้งนี้ “นโยบายการจัดเก็บเงินอุดหนุนเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย สำหรับโควตาที่ใช้บริโภคในประเทศ (โควตา ก.) ที่สูงถึงกิโลกรัมละ 5 บาท เริ่มนำมาใช้ในปี 2551 โดยคณะรัฐมนตรีตั้งใจให้เป็นมาตรการเพื่อช่วยเหลือกองทุนฯ และเกษตรกรผู้ปลูกอ้อยเป็นการชั่วคราวเท่านั้น แต่ขณะนี้มาตรการดังกล่าวได้มีการต่ออายุมาแล้วถึงสองครั้ง และการปรับลดการจัดเก็บเงินดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อชาวไร่อ้อยเพราะชาวไร่อ้อยยังคงได้รับเงินเพิ่มค่าอ้อยตามนโยบายของรัฐบาล ผลที่จะเกิดขึ้นก็คือกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายอาจจะต้องขยายเวลาในการชำระหนี้ที่กองทุนฯ กู้มาช่วยเหลือเกษตรกรล่าช้าออกไปอีก 2-3 เดือนเท่านั้น แต่จะเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลในการบริหารจัดการให้เกิดความเป็นธรรมต่อผู้มีส่วนได้เสีย (Stakeholders) ในทุกภาคส่วนได้รับการดูแลไปพร้อมกัน
