วานนี้(14 พ.ค.55)นายวัฒนา เซ่งไพเราะ โฆษกประจำตัวประธานสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า มีประชาชนจำนวนมากร้องเข้ามาที่สภาเกี่ยวกับสมาคมครูและผู้ปกครอง ที่มีเรียกเก็บเงินแรกเข้าของเด็กนักเรียนชั้น ม.1 และ ม.4 โดยชอบธรรม เหมือนเป็นการส่งสัญญาณของสมาคมครูและผู้ปกครองบางแห่งเรียกเก็บเงินอุดหนุนในรูปแบบต่างๆ
“อยากเรียกร้องให้กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ตรวจสอบกรณีที่ สส. และ สว. ไปรับตำแหน่งนายกสมาคมครูและผู้ปกครองในโรงเรียนทั่วประเทศ และเรียกเงินจากผู้ปกครองในรูปแบบการบำรุงการศึกษาที่ทราบมาว่าสูงถึง 4-5 หมื่นบาท เพื่อให้เด็กเข้าโรงเรียน ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวถือว่าเข้าข่ายขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 267 ที่ห้ามไม่ให้ สส.และ สว.แทรกแซงหน่วยงานราชการหรือหน่วยงานรัฐ ทั้งทางตรงและทางอ้อม”
โดยเฉพาะในการที่มี ส.ส. เข้าไปเป็น นายกสมาคมครูและผู้ปกครอง ในโรงเรียนบางแห่ง ในย่านสุขุมวิท โดยเฉพาะ ส.ส.กทม.บางราย นั่งนายกสมาคมฯใน 4 โรงเรียน ทั้งๆที่ ไม่ได้เป็นศิษย์เก่า หรืออดีตครูมาก่อน โดยตนได้รับการร้องเรียนว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมา มี ส.ส. รายดังกล่าวไม่เข้าประชุมสภา แต่ไปนั่งเรียกรับเงิน ซึ่งอยากฝากไปยังกระทรวงศึกษาธิการ โดยเฉพาะรัฐมนตรี กำหนดหลักเกณฑ์ให้ชัดว่าบุคคลใดบ้างที่จะเป็นนายกสมาคมครูและผู้ปกครอง โรงเรียนต่างๆ อย่างไรก็ตามอยากแนะนำให้กระทรวงศึกษาฯ เปิดรับเด็กในพื้นที่ใกล้บ้านและให้เงินอุดหนุนกับโรงเรียน เพื่อที่จะได้ไม่ไปเรียกร้องเงินอุดหนุนกับบรรดาผู้ปกครอง อีกทั้งฝากเตือนบรรดา ส.ส. และ ส.ว. ที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจการของโรงเรียนว่า หากไม่ยุติการกระทำอาจจะเข้าข่ายแทรกแซงการทำงาน ทั้งนี้ ขณะนี้อยู่ในระหว่างการรวบรวมหลักฐานของการเรียกรับเงิน เพื่อเตรียมส่งให้ดีเอสไอตรวจสอบในเรื่องนี้
เมื่อถามว่า นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล รมว.ศึกษาธิการ ออกมากล่าวยืนยันว่า ไม่มีการเรียกเก็บเงิน แต่เป็นการสมยอมของผู้ปกครองในการให้เงินอุดหนุนของโรงเรียน นายวัฒนา กล่าวว่า ตนถามว่ามีผู้ปกครองคนใดกล้าออกมายืนยันหรือไม่ ซึ่งก็ไม่มีผู้ปกครองคนไหนกล้าออกมายืนยัน เพราะเขาไม่พึงพอใจ ตนอยากถามว่าคอนเซ็ปรัฐมนตรีมีเท่านี้หรือ รัฐมนตรีต้องวางกรอบว่าจากนี้ต่อไป นายกสมาคมครูและผู้ปกครอง ควรจะเป็นครูหรืออดีตครู หรือผู้ปกครอง แต่ปัจจุบันกลับพบว่าส่วนใหญ่กลับเป็นพวกนักธุรกิจ ซึ่งได้ถามกลับไปว่า ทำไมจึงเป็นได้ แต่ได้คำตอบมาว่า แต่ละโรงเรียนมีการเปิดรับสมัคร จึงเป็นเหตุให้มีนายทุนเข้าไปอยู่ในโรงเรียนดังๆ มากมาย หรือนักการเมืองที่ไม่เกี่ยวข้องก็เข้าไปเป็นจำนวนมาก ถือว่าเป็นการทำลายองค์กร
นายวัฒนายังเรียกร้องให้ ศธ.จัดสรรงบประมาณให้แก่โรงเรียน นอกเหนือจากเงินค่าหัวนักเรียน ซึ่งไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย ส่งผลให้โรงเรียนต้องหันไปรีดไถเงินจากผู้ปกครองมากยิ่งขึ้น
รายงานข่าวแจ้งว่า ส.ส. ที่นายวัฒนา กล่าวถึงเป็น ส.ส.ในพื้นที่ กทม. ย่านพระโขนง โดยบุคคลดังกล่าวเป็นนายกสมาคมครูและผู้ปกครองถึง 4 โรงเรียนดัง ย่านดังกล่าว.
“อยากเรียกร้องให้กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ตรวจสอบกรณีที่ สส. และ สว. ไปรับตำแหน่งนายกสมาคมครูและผู้ปกครองในโรงเรียนทั่วประเทศ และเรียกเงินจากผู้ปกครองในรูปแบบการบำรุงการศึกษาที่ทราบมาว่าสูงถึง 4-5 หมื่นบาท เพื่อให้เด็กเข้าโรงเรียน ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวถือว่าเข้าข่ายขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 267 ที่ห้ามไม่ให้ สส.และ สว.แทรกแซงหน่วยงานราชการหรือหน่วยงานรัฐ ทั้งทางตรงและทางอ้อม”
โดยเฉพาะในการที่มี ส.ส. เข้าไปเป็น นายกสมาคมครูและผู้ปกครอง ในโรงเรียนบางแห่ง ในย่านสุขุมวิท โดยเฉพาะ ส.ส.กทม.บางราย นั่งนายกสมาคมฯใน 4 โรงเรียน ทั้งๆที่ ไม่ได้เป็นศิษย์เก่า หรืออดีตครูมาก่อน โดยตนได้รับการร้องเรียนว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมา มี ส.ส. รายดังกล่าวไม่เข้าประชุมสภา แต่ไปนั่งเรียกรับเงิน ซึ่งอยากฝากไปยังกระทรวงศึกษาธิการ โดยเฉพาะรัฐมนตรี กำหนดหลักเกณฑ์ให้ชัดว่าบุคคลใดบ้างที่จะเป็นนายกสมาคมครูและผู้ปกครอง โรงเรียนต่างๆ อย่างไรก็ตามอยากแนะนำให้กระทรวงศึกษาฯ เปิดรับเด็กในพื้นที่ใกล้บ้านและให้เงินอุดหนุนกับโรงเรียน เพื่อที่จะได้ไม่ไปเรียกร้องเงินอุดหนุนกับบรรดาผู้ปกครอง อีกทั้งฝากเตือนบรรดา ส.ส. และ ส.ว. ที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจการของโรงเรียนว่า หากไม่ยุติการกระทำอาจจะเข้าข่ายแทรกแซงการทำงาน ทั้งนี้ ขณะนี้อยู่ในระหว่างการรวบรวมหลักฐานของการเรียกรับเงิน เพื่อเตรียมส่งให้ดีเอสไอตรวจสอบในเรื่องนี้
เมื่อถามว่า นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล รมว.ศึกษาธิการ ออกมากล่าวยืนยันว่า ไม่มีการเรียกเก็บเงิน แต่เป็นการสมยอมของผู้ปกครองในการให้เงินอุดหนุนของโรงเรียน นายวัฒนา กล่าวว่า ตนถามว่ามีผู้ปกครองคนใดกล้าออกมายืนยันหรือไม่ ซึ่งก็ไม่มีผู้ปกครองคนไหนกล้าออกมายืนยัน เพราะเขาไม่พึงพอใจ ตนอยากถามว่าคอนเซ็ปรัฐมนตรีมีเท่านี้หรือ รัฐมนตรีต้องวางกรอบว่าจากนี้ต่อไป นายกสมาคมครูและผู้ปกครอง ควรจะเป็นครูหรืออดีตครู หรือผู้ปกครอง แต่ปัจจุบันกลับพบว่าส่วนใหญ่กลับเป็นพวกนักธุรกิจ ซึ่งได้ถามกลับไปว่า ทำไมจึงเป็นได้ แต่ได้คำตอบมาว่า แต่ละโรงเรียนมีการเปิดรับสมัคร จึงเป็นเหตุให้มีนายทุนเข้าไปอยู่ในโรงเรียนดังๆ มากมาย หรือนักการเมืองที่ไม่เกี่ยวข้องก็เข้าไปเป็นจำนวนมาก ถือว่าเป็นการทำลายองค์กร
นายวัฒนายังเรียกร้องให้ ศธ.จัดสรรงบประมาณให้แก่โรงเรียน นอกเหนือจากเงินค่าหัวนักเรียน ซึ่งไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย ส่งผลให้โรงเรียนต้องหันไปรีดไถเงินจากผู้ปกครองมากยิ่งขึ้น
รายงานข่าวแจ้งว่า ส.ส. ที่นายวัฒนา กล่าวถึงเป็น ส.ส.ในพื้นที่ กทม. ย่านพระโขนง โดยบุคคลดังกล่าวเป็นนายกสมาคมครูและผู้ปกครองถึง 4 โรงเรียนดัง ย่านดังกล่าว.