“ฟิตเนสเฟิรส์ท” ลุยเชิงรุก ชี้ตลาดฟิตเนสในไทยยังมีโอกาสอีกมาก เหตุผู้ประกอบการน้อยราย คนเล่นยังน้อย เปิดอีก 4 สาขาปีนี้ ชี้ไม่ซื้อกิจการคู่แข่งแน่ ลั่นปีนี้รายได้ทะลุ 30 ล้านปอนด์
นายมาร์ค บูคานันท์ กรรมการบริหาร บริษัท ฟิตเนส เฟิรส์ท (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจฟิตเนส เปิดเผยว่า ตลาดการให้บริการฟิตเนสในเมือไทยยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากหากพิจารณาแล้วยังมีประชากรคนไทยน้อยมากไม่ถึง 1% ที่ใช้บริการสถานฟิตเนสอย่างเป็นทางการเมื่อเทียบกับต่างประเทศที่เล่นฟิตเนสกันมาก เช่น ในยุโรป หรืออเมริกาที่มีผู้เล่นฟิตเนสมากถึง 15-25% จากจำนวนประชากร
ส่วนผู้ให้บริการฟิตเนสอย่างเป็นทางการในไทยก็มีน้อยรายที่เป็นรายใหญ่ เช่น ฟิตเนสเฟิรส์ท รวมทั้งคู่แข่งเช่น ทรูฟิตเนส และแคลิฟอร์เนีย ว้าว รวมท้งฟิตเนสที่อยู่ตามโรงแรมและศูนย์การค้าทั่วไปด้วย ซึ่งต้องการที่จะให้มีผู้ประกอบการเข้ามาในตลาดนี้เพิ่มขึ้น เพื่อจะได้เป็นส่วนสำคัญในการกระตุ้นตลาดและสร้างมูลค่าตลาดให้ใหญ่ขึ้นด้วย จากปัจจุบันที่ตลาดรวมฟิตเนสในไทยมีประมาณ 100 ล้านปอนด์เท่านั้น (หรือประมาณ 4,800 ล้านบาท คิดจากฐานเฉลี่ย 1 ปอนด์เท่ากับ 48 บาท) ซึ่งต้องการที่จะให้ผู้ประกอบการเข้าสู่ตลาดนี้ให้มากขึ้น เพื่อจะได้เป็นส่วนสำคัญในการกระตุ้นและผลักดันตลาดให้เติบโตมากกว่านื้
สำหรับแผนลงทุนของบริษัทฯ ในปี 2555 นี้ (ตามปีงบประมาณ เริ่มเดือนกันยายน-ตุลาคม) วางแผนเปิดสาขาใหม่ 4 แห่ง ด้วยงบประมาณลงทุนเฉลี่ย 50-100 ล้านบาทต่อสาขา ซึ่งเปิดดำเนินการไปแล้ว เช่นที่เซ็นทรัล พระราม 9 เดือนมีนาคม ที่เมกะบางนาวันที่ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมา ที่เทอร์มินัล 21 อโศกเร็วๆ นี้ และปลายปีนี้อีก 1 สาขาอยู่แถวสาทรจะเป็นสาขาที่พรีเมียมที่สุด จากปัจจุบันมีจำนวนสาขาประมาณ 22 แห่ง (อยู่ในต่างจังหวัด 3 แห่ง) ทั้งนี้ การขยายสาขาจากนี้จะมีมากขึ้น จากเดิมเฉลี่ยเพียงแค่ 2 สาขาต่อปีเท่านั้น จากที่บริษัทฯ อยู่ในตลาดเมืองไทยมานาน 11 ปีแล้ว
อย่างไรก็ตาม จากกระแสข่าวของผู้ประกอบการคู่แข่งอย่าง แคลิฟอร์เนียร์ ว้าว ที่มีปัญหาและจะปิดบริการประมาณ 4 สาขาในเร็วๆ นี้ ได้มีข่าวว่าได้นำเสนอขายพื้นที่ให้ผู้ประกอบการรายอื่นนั้น นายมาร์คกล่าวว่า ทำเลทุกแห่งของคู่แข่งอยู่ในทำเลที่ดีทั้งหมด แต่เราพิจารณาแล้วคงไม่เข้าไปซื้อธุรกิจของเขาแน่นอน เพราะคิดว่าถ้าเปรียบเทียบเหมือนกับการที่เราซื้อบ้าน การซื้อบ้านหลังใหม่เลยน่าจะดีกว่าเมื่อเทียบกับการที่ต้องไปซื้อบ้านหลังเก่าแล้วนำมาปรับปรุงซ่อมแซมใหม่เป็นเรื่องที่ยากกว่า
“ประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่เงินทุน หรือทำเล ปัจจัยสำคัญของธุรกิจนี้อยู่ที่ความพร้อมทางด้านบุคลากรเป็นหลัก และโนว์ฮาวที่นำมาดำเนินการบริหารจัดการ ซึ่งขนาดพื้นที่ของฟิตเนสเฟิรส์ทนั้นเฉลี่ยอยู่ที่ 600-3,000 ตารางเมตร แต่ที่มีขนาดเหมาะสมที่สุดคือ 1,000-1,700 ตารางเมตร
ปัจจุบันฟิตเนสเฟิรส์ทมีสมาชิกประมาณ 55,000 ราย และตั้งเป้าหมายสิ้นปีงบประมาณนี้จะเพิ่มเป็น 65,000 ราย ซึ่งไม่มีการเก็บค่าสมาชิกตลอดชีพเหมือนคู่แข่งรายอื่นเพราะจะทำให้เกิดปัญหาตามมา โดยค่าสมาชิกเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 1,600-2,300 บาทต่อเดือน และยังมีแบ่งเป็นระดับ ส่วนรูปแบบของฟิตเนสเฟิรส์ทมี 3 แบบ คือ แบบบลู บลูพาสปอร์ต และแพลทินัม ซึ่งปีที่แล้วมีผลประกอบการเติบโต 10% ด้วยรายได้ 27 ล้านปอนด์ กำไร 10 ล้านปอนด์ คาดว่าปีนี้จะมีรายได้รวม 30 ล้านปอนด์
สำหรับฟิตเนสเฟิรส์ทประเทศไทยเป็นธุรกิจจากประเทศอังกฤษ เป็นธุรกิจที่มีการเติบโตมากที่สุด ใหญ่ที่สุด สาขามากที่สุดของกลุ่มฟิตเนสเฟิรส์ทในเอเชียจากทั้งหมด 7 ประเทศ ประกอบด้วย ไทย ฮ่องกง มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และอินเดีย ซึ่งมีสาขาฟิตเนสเฟิรส์ทรวมกันทั้งหมด 75 สาขา ขณะที่ฟิตเนสเฟิรส์ทมีจำนวนคลับทั่วโลกทั้งสิ้น 550 แห่ง สมาชิกกว่า 1.5 ล้านคนทั่วโลก จากจำนวน 17 ประเทศที่กระจายอยู่ทั้งในทวีปเอเชีย ออสเตรเลีย ยุโรป อังกฤษ ส่วนเอเชียแปซิฟิกมีสาขากว่า 140 แหง่ และเป็นผู้ประกอบการฟิตเนสรายใหญ่ที่สุดของโลก
นายมาร์ค บูคานันท์ กรรมการบริหาร บริษัท ฟิตเนส เฟิรส์ท (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจฟิตเนส เปิดเผยว่า ตลาดการให้บริการฟิตเนสในเมือไทยยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากหากพิจารณาแล้วยังมีประชากรคนไทยน้อยมากไม่ถึง 1% ที่ใช้บริการสถานฟิตเนสอย่างเป็นทางการเมื่อเทียบกับต่างประเทศที่เล่นฟิตเนสกันมาก เช่น ในยุโรป หรืออเมริกาที่มีผู้เล่นฟิตเนสมากถึง 15-25% จากจำนวนประชากร
ส่วนผู้ให้บริการฟิตเนสอย่างเป็นทางการในไทยก็มีน้อยรายที่เป็นรายใหญ่ เช่น ฟิตเนสเฟิรส์ท รวมทั้งคู่แข่งเช่น ทรูฟิตเนส และแคลิฟอร์เนีย ว้าว รวมท้งฟิตเนสที่อยู่ตามโรงแรมและศูนย์การค้าทั่วไปด้วย ซึ่งต้องการที่จะให้มีผู้ประกอบการเข้ามาในตลาดนี้เพิ่มขึ้น เพื่อจะได้เป็นส่วนสำคัญในการกระตุ้นตลาดและสร้างมูลค่าตลาดให้ใหญ่ขึ้นด้วย จากปัจจุบันที่ตลาดรวมฟิตเนสในไทยมีประมาณ 100 ล้านปอนด์เท่านั้น (หรือประมาณ 4,800 ล้านบาท คิดจากฐานเฉลี่ย 1 ปอนด์เท่ากับ 48 บาท) ซึ่งต้องการที่จะให้ผู้ประกอบการเข้าสู่ตลาดนี้ให้มากขึ้น เพื่อจะได้เป็นส่วนสำคัญในการกระตุ้นและผลักดันตลาดให้เติบโตมากกว่านื้
สำหรับแผนลงทุนของบริษัทฯ ในปี 2555 นี้ (ตามปีงบประมาณ เริ่มเดือนกันยายน-ตุลาคม) วางแผนเปิดสาขาใหม่ 4 แห่ง ด้วยงบประมาณลงทุนเฉลี่ย 50-100 ล้านบาทต่อสาขา ซึ่งเปิดดำเนินการไปแล้ว เช่นที่เซ็นทรัล พระราม 9 เดือนมีนาคม ที่เมกะบางนาวันที่ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมา ที่เทอร์มินัล 21 อโศกเร็วๆ นี้ และปลายปีนี้อีก 1 สาขาอยู่แถวสาทรจะเป็นสาขาที่พรีเมียมที่สุด จากปัจจุบันมีจำนวนสาขาประมาณ 22 แห่ง (อยู่ในต่างจังหวัด 3 แห่ง) ทั้งนี้ การขยายสาขาจากนี้จะมีมากขึ้น จากเดิมเฉลี่ยเพียงแค่ 2 สาขาต่อปีเท่านั้น จากที่บริษัทฯ อยู่ในตลาดเมืองไทยมานาน 11 ปีแล้ว
อย่างไรก็ตาม จากกระแสข่าวของผู้ประกอบการคู่แข่งอย่าง แคลิฟอร์เนียร์ ว้าว ที่มีปัญหาและจะปิดบริการประมาณ 4 สาขาในเร็วๆ นี้ ได้มีข่าวว่าได้นำเสนอขายพื้นที่ให้ผู้ประกอบการรายอื่นนั้น นายมาร์คกล่าวว่า ทำเลทุกแห่งของคู่แข่งอยู่ในทำเลที่ดีทั้งหมด แต่เราพิจารณาแล้วคงไม่เข้าไปซื้อธุรกิจของเขาแน่นอน เพราะคิดว่าถ้าเปรียบเทียบเหมือนกับการที่เราซื้อบ้าน การซื้อบ้านหลังใหม่เลยน่าจะดีกว่าเมื่อเทียบกับการที่ต้องไปซื้อบ้านหลังเก่าแล้วนำมาปรับปรุงซ่อมแซมใหม่เป็นเรื่องที่ยากกว่า
“ประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่เงินทุน หรือทำเล ปัจจัยสำคัญของธุรกิจนี้อยู่ที่ความพร้อมทางด้านบุคลากรเป็นหลัก และโนว์ฮาวที่นำมาดำเนินการบริหารจัดการ ซึ่งขนาดพื้นที่ของฟิตเนสเฟิรส์ทนั้นเฉลี่ยอยู่ที่ 600-3,000 ตารางเมตร แต่ที่มีขนาดเหมาะสมที่สุดคือ 1,000-1,700 ตารางเมตร
ปัจจุบันฟิตเนสเฟิรส์ทมีสมาชิกประมาณ 55,000 ราย และตั้งเป้าหมายสิ้นปีงบประมาณนี้จะเพิ่มเป็น 65,000 ราย ซึ่งไม่มีการเก็บค่าสมาชิกตลอดชีพเหมือนคู่แข่งรายอื่นเพราะจะทำให้เกิดปัญหาตามมา โดยค่าสมาชิกเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 1,600-2,300 บาทต่อเดือน และยังมีแบ่งเป็นระดับ ส่วนรูปแบบของฟิตเนสเฟิรส์ทมี 3 แบบ คือ แบบบลู บลูพาสปอร์ต และแพลทินัม ซึ่งปีที่แล้วมีผลประกอบการเติบโต 10% ด้วยรายได้ 27 ล้านปอนด์ กำไร 10 ล้านปอนด์ คาดว่าปีนี้จะมีรายได้รวม 30 ล้านปอนด์
สำหรับฟิตเนสเฟิรส์ทประเทศไทยเป็นธุรกิจจากประเทศอังกฤษ เป็นธุรกิจที่มีการเติบโตมากที่สุด ใหญ่ที่สุด สาขามากที่สุดของกลุ่มฟิตเนสเฟิรส์ทในเอเชียจากทั้งหมด 7 ประเทศ ประกอบด้วย ไทย ฮ่องกง มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และอินเดีย ซึ่งมีสาขาฟิตเนสเฟิรส์ทรวมกันทั้งหมด 75 สาขา ขณะที่ฟิตเนสเฟิรส์ทมีจำนวนคลับทั่วโลกทั้งสิ้น 550 แห่ง สมาชิกกว่า 1.5 ล้านคนทั่วโลก จากจำนวน 17 ประเทศที่กระจายอยู่ทั้งในทวีปเอเชีย ออสเตรเลีย ยุโรป อังกฤษ ส่วนเอเชียแปซิฟิกมีสาขากว่า 140 แหง่ และเป็นผู้ประกอบการฟิตเนสรายใหญ่ที่สุดของโลก