กนอ.เปิดโต๊ะร่วมหารือ 2 ชุมชนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงจุดเกิดเหตุระเบิดของบริษัท บีเอสทีฯ และก๊าซรั่วของบริษัท อดิตยา ยื่นข้อเสนอให้ทั้งสองราย ต้องเปิดสัญญาประชาคม ก่อนเปิดการผลิตโดยเฉพาะบีเอสที ที่คาดว่าจะกลับมาผลิตได้ในเดือนตุลาคมนี้
นายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า ทีมเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการของ กนอ.ได้เปิดเวทีหารือ และพบปะกับชุมชนซอยร่วมพัฒนา และชุมชนวัดโสภณ ซึ่งเป็นชุมชนที่อยู่ในพื้นทีใกล้เคียงกับจุดเกิดเหตุระเบิดของโรงงานพื้นที่บริษัท บีเอสที อิลาสโตเมอร์ส จำกัด และ ก๊าซรั่วในโรงงาน บริษัท อดิตยา เบอร์ล่า จำกัด โดยได้หาข้อสรุปร่วมกันในการวางมาตรการป้องกันและดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ก่อนที่จะกลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้ง
ทั้งนี้ ชุมชนต้องการให้บริษัท บีเอสทีฯ มีการเปิดเวทีประชาคม รับฟังข้อคิดเห็นของชุมชน พร้อมทั้งชี้แจงข้อเท็จจริง และปรับปรุงมาตรการป้องกันดูแลความปลอดภัย และระบบการแจ้งข้อมูลข่าวสาร ก่อนจะเปิดดำเนินการผลิต โดยกรณีของบริษัท บีเอสทีฯ คาดว่า จะสามารถกลับเข้ามาสู่กระบวนการผลิตได้ภายใน 6 เดือน โดยเริ่มตั้งแต่พฤษภาคม-ตุลาคม 2555 ที่โรงงานดังกล่าวต้องใช้ระยะเวลาในการนำเข้าเครื่องจักรซ่อมแซมอุปกรณ์ต่างๆ เข้ามาเพื่อฟื้นฟูโรงงาน
ขณะเดียวกัน สถานประกอบการทั้งสองแห่ง ต้องมีการชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในกรณีที่พบข้อมูลเพิ่มเติม พร้อมกับการเพิ่มระดับมาตรการดูแลความปลอดภัยใหม่ โดยมีการแจ้งเตือนข้อมูลข่าวสารที่ทันท่วงที และ กนอ.จะเร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน ที่ให้การสนับสนุนเร่งเยียวยาชุมชนที่ได้รับผลกระทบดังกล่าวโดยด่วน
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ กนอ.ได้รับความร่วมมือจากหลายหน่วยงานในการร่วมหาแนวทางการดูแลคุณภาพสิ่งแวดล้อม ในพื้นที่มาบตาพุดคอมเพล็กซ์ ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยล่าสุด กรรมาธิการการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา ได้ลงพื้นที่เพื่อรับทราบข้อมูลเหตุระเบิดของ บริษัท บีเอสทีฯ และก๊าซรั่วไหลของบริษัท อดิตยา เบอร์ล่า ทั้งนี้ เพื่อนำไปประเมิน และร่วมวิเคราะห์สาเหตุที่แท้จริงต่อไป และในด้านของการดูแลชุมชนในพื้นที่ ทั้งในบริเวณใกล้เคียงและโดยรอบ
