กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเตือนภาคธุรกิจให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ส่งงบการเงินภายในระยะเวลาที่กำหนด หากฝ่าฝืนโทษนิติบุคคลปรับสูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท และปรับกรรมการผู้รู้เห็นไม่เกิน 50,000 บาท หวังสร้างธรรมาภิบาลในการดำเนินธุรกิจ และสร้างความน่าเชื่อถือทั้งในระดับประเทศ และระดับสากล
นายวิชัย โภชนกิจ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีนิติบุคคลกว่า 30,000 รายที่ละเลยต่อการปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น การไม่นำส่งงบการเงิน ซึ่งเป็นหลักฐานแสดงฐานะของธุรกิจประจำปี ภายใน 5 เดือนหลังปิดบัญชี ทำให้ภาคธุรกิจของไทยถูกมองว่าขาดธรรมาภิบาลและได้รับความเชื่อถือจากคู่ค้าและนักลงทุนลดลง เพื่อป้องปรามไม่ให้ภาคธุรกิจกระทำการฝ่าฝืนกฎหมาย และนำส่งงบการเงินภายในระยะเวลาที่กำหนด กรมฯ จึงได้มีการกำหนดโทษผู้กระทำความผิดรุนแรงขึ้น ทั้งนิติบุคคลที่เป็นบริษัทจำกัด ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน บริษัทมหาชนจำกัด นิติบุคคลต่างประเทศ และกิจการร่วมค้า ซึ่งจะทำการปรับทั้งนิติบุคคลและกรรมการผู้จัดการ/หุ้นส่วนผู้จัดการ หรือผู้รับผิดชอบในการดำเนินงาน
จากการที่กรมฯ ได้ให้ความสำคัญต่อการนำส่งงบการเงินเป็นพิเศษ นอกจากการปรับอัตราโทษให้สูงขึ้นแล้ว กรมฯ ได้มีการปรับขั้นตอนและวิธีดำเนินการต่อผู้ที่ฝ่าฝืนให้มีความรุนแรงยิ่งขึ้น โดยการเรียกตรวจบัญชีอย่างละเอียด และลงโทษตามกฎหมายบัญชีอีกกระทงหากพบมีการทำผิด จะหมายเหตุแจ้งเตือนในหนังสือรับรองนิติบุคคลว่านิติบุคคลรายดังกล่าวไม่ส่งงบการเงิน พร้อมนำชื่อขึ้นเว็บไซต์ของกรมฯ เพื่อให้สาธารณะได้รับทราบและใช้ความระมัดระวังในการทำนิติกรรมด้วย ซึ่งหากพบว่ามีการละเลยไม่ส่งงบการเงินติดต่อกันเป็นเวลา 3 ปี กรมฯ ก็จะลงโทษสูงสุดโดยการเพิกถอนหรือขีดชื่อออกจากทะเบียนธุรกิจ ซึ่งจะทำให้นิติบุคคลนั้นไม่สามารถทำนิติกรรมได้อีกต่อไป
ทั้งนี้ การนำส่งงบการเงินภายในระยะเวลาจะส่งผลดีต่อภาคธุรกิจโดยตรง สามารถสร้างความน่าเชื่อถือต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม รวมทั้งนักลงทุนและผู้ประกอบการมีข้อมูลสำหรับใช้ในการวิเคราะห์การลงทุนและรายละเอียดธุรกิจที่ถูกต้องครบถ้วน สามารถแสดงให้เห็นถึงความโปร่งใส การมีธรรมาภิบาลและตรวจสอบได้
พร้อมกันนี้ กรมฯ ได้อำนวยความสะดวกแก่ภาคธุรกิจมากขึ้น โดยได้มีการปรับวิธีการนำส่งงบการเงินเพื่อลดภาระแก่นิติบุคคล โดยนำส่งงบการเงินเพียง 1 ชุด ได้ที่ (1) ที่ทำการไปรษณีย์กว่า 1,300 แห่งทั่วประเทศ (2) สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าเขต 1-5 (3) สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัดและสาขา หรือกรมพัฒนาธุรกิจการค้า สนามบินน้ำภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2555 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมพัฒนาธุรกิจการค้า 1570 หรือ www.dbd.go.th
นายวิชัย โภชนกิจ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีนิติบุคคลกว่า 30,000 รายที่ละเลยต่อการปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น การไม่นำส่งงบการเงิน ซึ่งเป็นหลักฐานแสดงฐานะของธุรกิจประจำปี ภายใน 5 เดือนหลังปิดบัญชี ทำให้ภาคธุรกิจของไทยถูกมองว่าขาดธรรมาภิบาลและได้รับความเชื่อถือจากคู่ค้าและนักลงทุนลดลง เพื่อป้องปรามไม่ให้ภาคธุรกิจกระทำการฝ่าฝืนกฎหมาย และนำส่งงบการเงินภายในระยะเวลาที่กำหนด กรมฯ จึงได้มีการกำหนดโทษผู้กระทำความผิดรุนแรงขึ้น ทั้งนิติบุคคลที่เป็นบริษัทจำกัด ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน บริษัทมหาชนจำกัด นิติบุคคลต่างประเทศ และกิจการร่วมค้า ซึ่งจะทำการปรับทั้งนิติบุคคลและกรรมการผู้จัดการ/หุ้นส่วนผู้จัดการ หรือผู้รับผิดชอบในการดำเนินงาน
จากการที่กรมฯ ได้ให้ความสำคัญต่อการนำส่งงบการเงินเป็นพิเศษ นอกจากการปรับอัตราโทษให้สูงขึ้นแล้ว กรมฯ ได้มีการปรับขั้นตอนและวิธีดำเนินการต่อผู้ที่ฝ่าฝืนให้มีความรุนแรงยิ่งขึ้น โดยการเรียกตรวจบัญชีอย่างละเอียด และลงโทษตามกฎหมายบัญชีอีกกระทงหากพบมีการทำผิด จะหมายเหตุแจ้งเตือนในหนังสือรับรองนิติบุคคลว่านิติบุคคลรายดังกล่าวไม่ส่งงบการเงิน พร้อมนำชื่อขึ้นเว็บไซต์ของกรมฯ เพื่อให้สาธารณะได้รับทราบและใช้ความระมัดระวังในการทำนิติกรรมด้วย ซึ่งหากพบว่ามีการละเลยไม่ส่งงบการเงินติดต่อกันเป็นเวลา 3 ปี กรมฯ ก็จะลงโทษสูงสุดโดยการเพิกถอนหรือขีดชื่อออกจากทะเบียนธุรกิจ ซึ่งจะทำให้นิติบุคคลนั้นไม่สามารถทำนิติกรรมได้อีกต่อไป
ทั้งนี้ การนำส่งงบการเงินภายในระยะเวลาจะส่งผลดีต่อภาคธุรกิจโดยตรง สามารถสร้างความน่าเชื่อถือต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม รวมทั้งนักลงทุนและผู้ประกอบการมีข้อมูลสำหรับใช้ในการวิเคราะห์การลงทุนและรายละเอียดธุรกิจที่ถูกต้องครบถ้วน สามารถแสดงให้เห็นถึงความโปร่งใส การมีธรรมาภิบาลและตรวจสอบได้
พร้อมกันนี้ กรมฯ ได้อำนวยความสะดวกแก่ภาคธุรกิจมากขึ้น โดยได้มีการปรับวิธีการนำส่งงบการเงินเพื่อลดภาระแก่นิติบุคคล โดยนำส่งงบการเงินเพียง 1 ชุด ได้ที่ (1) ที่ทำการไปรษณีย์กว่า 1,300 แห่งทั่วประเทศ (2) สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าเขต 1-5 (3) สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัดและสาขา หรือกรมพัฒนาธุรกิจการค้า สนามบินน้ำภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2555 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมพัฒนาธุรกิจการค้า 1570 หรือ www.dbd.go.th