กรมพัฒนาธุรกิจการค้าปรับปรุงอัตราค่าปรับใหม่สำหรับธุรกิจที่ไม่นำส่งงบการเงิน
ยอมรับยอดค้างเพียบกว่า 2-3 หมื่นราย พร้อมฝากขอความร่วมมือนำส่งตามกำหนด 31 พฤษภาคมนี้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นภาคธุรกิจไทย
นายวิชัย โภชนกิจ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้าให้ความสำคัญต่อการแจ้งงบการเงิน และการเปลี่ยนแปลงทางนิติบุคคลของภาคธุรกิจ เพราะถือเป็นการเปิดเผยข้อมูลสร้างความมั่นใจให้แก่สาธารณชน ซึ่งเป็นการแสดงธรรมาภิบาลภาคธุรกิจ
โดยในช่วงที่ผ่านมา กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้เพิ่มการให้บริการด้านต่างๆ ทำให้การยื่นงบดุลหรือการนำส่งงบการเงินเพิ่มมากขึ้นเป็นที่น่าพอใจ แต่ยังมีอีกประมาณ 2-3 หมื่นรายที่ยังมีปัญหา จึงขอกระตุ้นเตือนภาคธุรกิจให้ตื่นตัวในเรื่องนี้ โดยกรมฯ จะแจ้งเตือนให้ภาคธุรกิจทราบว่าต้องดำเนินการอย่างไรก่อนถึงกำหนดยื่นในวันที่ 31 พฤษภาคม 2555
“ที่สำคัญ จะมีการเปลี่ยนอัตราการปรับผู้ที่ฝ่าฝืนไม่ดำเนินการตามกำหนด จากเดิมโทษปรับนิติบุคคลที่ส่งงบการเงินล่าช้าไม่เกิน 2 เดือน ปรับสูงสุด 50,000 บาท และปรับกรรมการบริหารอัตราสูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท แต่มีการปรับจริงเพียง 2,000 บาท หากเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจำกัด ส่วนบริษัทมหาชน นิติบุคคลต่างประเทศ 4,000 บาท โดยเพิ่มจากอัตราเดิมอีก 1,200 บาท”
ส่วนการแจ้งจดทะเบียน หรือเปลี่ยนแปลงผู้บริหารล่าช้าที่มีโทษปรับ 2,000 บาท ซึ่งช่วง 3 ปีที่ผ่านมามีการผ่อนปรนปรับเพียง 200 บาท ทำให้บางธุรกิจไม่ให้ความสำคัญ จึงปรับอัตราสูงขึ้นอีก 1,000 บาท ในส่วนของนิติบุคคลและกรรมการผู้มีอำนาจลงนามอีกคนละ 1,000 บาท
รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้ากล่าวเสริมว่า จากมาตรการกระตุ้นที่ผ่านมาพบว่าได้ผลเป็นที่น่าพอใจ เพราะมีภาคธุรกิจยื่นแสดงงบการเงินเพิ่มขึ้น พร้อมขอความร่วมมือภาคธุรกิจนำส่งงบการเงินเพื่อสร้างผลดีแก่ธุรกิจโดยรวมของประเทศ
