ASTVผู้จัดการรายวัน-กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเตือนธุรกิจไม่ส่งงบการเงิน เจอจัดหนัก ทั้งเรียกตรวจบัญชี แจ้งเตือนหน้าเว็บไซต์ให้คนระวังทำธุรกิจ พร้อมเพิ่มค่าปรับ เผยหากไม่ส่งติดต่อ 3 ปี เพิกถอนทันที
นายวิชัย โภชนกิจ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมฯ ขอเตือนให้ผู้ประกอบการที่ประกอบธุรกิจอยู่ในปัจจุบัน ต้องส่งงบการเงินตามที่กฎหมายกำหนด หากไม่ส่งงบการเงิน กรมฯ จะเพิ่มมาตรการทางกฎหมายเข้าไปดำเนินการกับธุรกิจที่ไม่ส่งงบการเงิน โดยจะเรียกตรวจบัญชีผู้ที่ไม่ส่งงบอย่างละเอียด และลงโทษตามกฎหมายบัญชีด้วยหากพบมีการทำผิด แจ้งเตือนในหนังสือรับรองนิติบุคคล พร้อมนำชื่อขึ้นเว็บไซต์ของกรมฯ เพื่อให้สาธารณะได้รับทราบ และใช้ความระมัดระวังในการทำนิติกรรมด้วย และหากพบว่ามีการละเลยไม่ส่งงบดุลติดต่อกันเป็นเวลา3ปีกรมฯ ก็จะเพิกถอนหรือขีดชื่อออกจากทะเบียนธุรกิจ ซึ่งจะทำให้นิติบุคคลนั้นไม่สามารถทำนิติกรรมได้อีกต่อไป
“เพื่อเป็นการป้องปรามไม่ให้ภาคธุรกิจกระทำการที่ฝ่าฝืนกฎหมาย และนำส่งงบการเงินภายในกำหนดซึ่งจะเป็นผลดีต่อภาคธุรกิจโดยตรง และสร้างความเชื่อถือต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมผู้ประกอบการมีข้อมูลที่ใช้ในการวิเคราะห์ที่ถูกต้องครบถ้วน สามารถแสดงให้เห็นถึงความโปร่งใส การมีธรรมาภิบาลและตรวจสอบได้ กรมฯ จึงได้มีการปรับขั้นตอนและการดำเนินการกับผู้ที่ฝ่าฝืนให้มีความรุนแรงขึ้น โดยได้มีการแจ้งเตือนผ่านสื่อต่างๆ เป็นระยะๆ และปรับอัตราค่าปรับที่จะลงโทษผู้กระทำความผิดให้สูงขึ้น”
ปัจจุบันมีนิติบุคคลประมาณ 450,000 ราย ที่ต้องส่งงบการเงินของปี 2554 และในจำนวนนี้มีประมาณ30,000ราย ที่ละเลยต่อการปฏิบัติตามกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมฯ เช่น การไม่ส่งงบการเงิน ซึ่งเป็นหลักฐานแสดงฐานะของธุรกิจ ภายใน6เดือนหลังปิดบัญชี รวมทั้งการไม่จดทะเบียนเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงกรรมการหรือผู้มีอำนาจลงนาม ทำให้ภาคธุรกิจของไทยถูกมองว่าขาดธรรมาภิบาลและได้รับความเชื่อถือลดลง
อย่างไรก็ตาม ในการส่งงบการเงิน กรมฯ ได้อำนวยความสะดวกแก่ภาคธุรกิจมากขึ้น โดยได้มีการปรับวิธีการนำส่งงบการเงิน เพื่อลดภาระแก่นิติบุคคล โดยนำส่งงบการเงินเพียง1ชุด ได้ที่ 1.ที่ทำการไปรษณีย์กว่า1,300แห่งทั่วประเทศ2.สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าเขต1-5และ 3.สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัดและสาขาหรือกรมพัฒนาธุรกิจการค้า สนามบินน้ำ ภายในวันที่31พ.ค.2555
นายวิชัย โภชนกิจ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมฯ ขอเตือนให้ผู้ประกอบการที่ประกอบธุรกิจอยู่ในปัจจุบัน ต้องส่งงบการเงินตามที่กฎหมายกำหนด หากไม่ส่งงบการเงิน กรมฯ จะเพิ่มมาตรการทางกฎหมายเข้าไปดำเนินการกับธุรกิจที่ไม่ส่งงบการเงิน โดยจะเรียกตรวจบัญชีผู้ที่ไม่ส่งงบอย่างละเอียด และลงโทษตามกฎหมายบัญชีด้วยหากพบมีการทำผิด แจ้งเตือนในหนังสือรับรองนิติบุคคล พร้อมนำชื่อขึ้นเว็บไซต์ของกรมฯ เพื่อให้สาธารณะได้รับทราบ และใช้ความระมัดระวังในการทำนิติกรรมด้วย และหากพบว่ามีการละเลยไม่ส่งงบดุลติดต่อกันเป็นเวลา3ปีกรมฯ ก็จะเพิกถอนหรือขีดชื่อออกจากทะเบียนธุรกิจ ซึ่งจะทำให้นิติบุคคลนั้นไม่สามารถทำนิติกรรมได้อีกต่อไป
“เพื่อเป็นการป้องปรามไม่ให้ภาคธุรกิจกระทำการที่ฝ่าฝืนกฎหมาย และนำส่งงบการเงินภายในกำหนดซึ่งจะเป็นผลดีต่อภาคธุรกิจโดยตรง และสร้างความเชื่อถือต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมผู้ประกอบการมีข้อมูลที่ใช้ในการวิเคราะห์ที่ถูกต้องครบถ้วน สามารถแสดงให้เห็นถึงความโปร่งใส การมีธรรมาภิบาลและตรวจสอบได้ กรมฯ จึงได้มีการปรับขั้นตอนและการดำเนินการกับผู้ที่ฝ่าฝืนให้มีความรุนแรงขึ้น โดยได้มีการแจ้งเตือนผ่านสื่อต่างๆ เป็นระยะๆ และปรับอัตราค่าปรับที่จะลงโทษผู้กระทำความผิดให้สูงขึ้น”
ปัจจุบันมีนิติบุคคลประมาณ 450,000 ราย ที่ต้องส่งงบการเงินของปี 2554 และในจำนวนนี้มีประมาณ30,000ราย ที่ละเลยต่อการปฏิบัติตามกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมฯ เช่น การไม่ส่งงบการเงิน ซึ่งเป็นหลักฐานแสดงฐานะของธุรกิจ ภายใน6เดือนหลังปิดบัญชี รวมทั้งการไม่จดทะเบียนเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงกรรมการหรือผู้มีอำนาจลงนาม ทำให้ภาคธุรกิจของไทยถูกมองว่าขาดธรรมาภิบาลและได้รับความเชื่อถือลดลง
อย่างไรก็ตาม ในการส่งงบการเงิน กรมฯ ได้อำนวยความสะดวกแก่ภาคธุรกิจมากขึ้น โดยได้มีการปรับวิธีการนำส่งงบการเงิน เพื่อลดภาระแก่นิติบุคคล โดยนำส่งงบการเงินเพียง1ชุด ได้ที่ 1.ที่ทำการไปรษณีย์กว่า1,300แห่งทั่วประเทศ2.สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าเขต1-5และ 3.สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัดและสาขาหรือกรมพัฒนาธุรกิจการค้า สนามบินน้ำ ภายในวันที่31พ.ค.2555
