อุตฯ ตั้งวอร์รูมเกาะติดภัยแล้ง จับตานิคมอุตสาหกรรมภาคตะวันออกส่อโคม่า

ภาคอุตสาหกรรมเผชิญภัยธรรมชาติซ้ำสอง หลังน้ำท่วมจากไปภัยแล้งกำลังมาเยือน กนอ.ยอมรับ 5 นิคมอุตสาหกรรมภาคตะวันออกกำลังน่าเป็นห่วง ฝนน้อยทำน้ำเกลี้ยงอ่าง เล็งดึงน้ำเสียกลับมาใช้ใหม่ พร้อมลงทุนสร้างอ่างเก็บน้ำเพิ่ม พร้อมตั้งวอร์รูมเกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

นายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวถึงแผนรับมือภัยแล้งที่อาจส่งผลกระทบต่อนิคมอุตสาหกรรมในปีนี้ โดยเร่งประสานกับกรมชลประทานเพื่อวางแผนรับมือ และเตรียมชงแผนรับมือภัยแล้งเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)

นายวีรพงศ์ยอมรับว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมสั่งกำชับ กนอ.ให้เฝ้าระวังภัยแล้งในเขตนิคมอุตสาหกรรมจำนวน 5 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเป็นพิเศษ ได้แก่ มาบตาพุด เหมราช เอเชีย ผาแดง และอาร์ไอแอล หลังพบว่าปริมาณน้ำฝนน้อยลงกว่าทุกปี ทำให้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำที่ต้องใช้ในกระบวนการผลิตภาคอุตสาหกรรมทั้งหมดมีปริมาณรวมลดลงร้อยละ 51

ทั้งนี้ หากปริมาณลดเหลือร้อยละ 30 จะส่งผลกระทบต่อการผลิตของภาคอุตสาหกรรมภาคตะวันออกทั้งหมด ซึ่งการแก้ปัญหาเบื้องต้น กนอ.ได้เตรียมแผนนำน้ำเสียในกระบวนการผลิตกลับมาใช้ใหม่ ซึ่งสามารถใช้ได้ประมาณร้อยละ 80-90 จากปริมาณน้ำเสียทั้งหมด และคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ช่วงกลางปีนี้

สำหรับต้นทุนของน้ำในอ่างเก็บน้ำที่ใช้ในอุตสาหกรรมมีแนวโน้มลดลง ซึ่งต้องติดตามสถานการณ์ฝนในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2555 นี้ หากฝนทิ้งช่วงอาจทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนน้ำเหมือนเมื่อปี 2548 โดยที่ผ่านมาเกิดปัญหาภัยแล้ง ผู้ประกอบการต้องช่วยเหลือตนเองด้วยการสั่งซื้อน้ำจากแหล่งอื่นมาใช้ สร้างอ่างเก็บน้ำของตนเอง และตกลงการหยุดซ่อมบำรุงเพื่อลดการใช้น้ำ และตั้งวอร์รูมติดตามสถานการณ์น้ำทุกวัน

ทั้งนี้ ปัจจุบันนิคมอุตสาหกรรมทั้ง 5 แห่งมีความต้องการใช้น้ำถึงวันละ 220,000 ลูกบาศก์เมตร สูงขึ้นจากปี 2548 ที่มีความต้องการใช้น้ำวันละ 2 แสนลูกบาศก์เมตร ส่วนความต้องการใช้น้ำของจังหวัดระยองอยู่ที่วันละ 6 แสนลูกบาศก์เมตร