คชก.แจกสะบัด อนุมัติ 2 พันล้านอุ้มสับปะรด กุ้ง หมู ไข่ไก่ ทั้งเข้าไปรับซื้อ ชดเชยดอกเบี้ย ลดต้นทุน แต่เบรกซื้อหอมแดงรอบใหม่ ให้เคลียร์ของเก่าจบก่อน
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) วานนี้ (23 เม.ย.) ว่า คชก.ได้มีมติเห็นชอบเพิ่มวงเงินโครงการแทรกแซงราคาสับปะรดในประเทศจาก 1,442 ล้านบาท เป็น 1,590 ล้านบาท เพื่อนำมารับซื้อสับปะรดจำนวน 2 แสนตัน ในราคากิโลกรัมละ 4 บาท นำมาแปรรูปเป็นสับปะรดกระป๋องจำนวน 1.4 แสนตัน จากเดิม 1 แสนตัน แปรรูปเป็นอาหารสัตว์ 5.8 หมื่นตัน และแปรรูปเป็นปุ๋ย 2,000 ตัน จากเดิม 1 แสนตัน โดยจะเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติงบประมาณกลางเพื่อนำมาใช้ในการแทรกแซงราคาต่อไป
ขณะเดียวกัน ยังเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาโครงการชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ในอัตราดอกเบี้ย 3% ให้แก่โรงงานแปรรูปสับปะรดนำมาใช้เสริมสภาพคล่อง ซึ่งเป็นการขอขยายระยะเวลาจากมติ ครม.เดิมเมื่อปี 2554 ที่อนุมัติใช้วงเงิน 7.5 ล้านบาทในการชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2554–31 พฤษภาคม 2555 ขยายไปจนถึง 31 ธันวาคม 2555 โดยจะทำให้ต้องใช้งบประมาณในการชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มขึ้นเป็น 15 ล้านบาท
ทั้งนี้ คชก.ยังได้มีการพิจารณาช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งตามที่จังหวัดสงขลาร้องขอมา โดยอนุมัติงบประมาณ 93.85 ล้านบาท นำมาชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้อัตรา 3% แก่ผู้ประกอบการห้องเย็นเพื่อเสริมสภาพคล่องในการรับซื้อกุ้งขาวแวนนาไมจากเกษตรกรจำนวน 3 หมื่นตัน ในราคากิโลกรัมละ 135 บาท (60 ตัว/กก.) รวมทั้งอนุมัติงบประมาณ 2.73 ล้านบาทเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการรับซื้อกุ้งให้แก่เกษตรกร โดยมอบให้กรมประมงจัดทำบัญชีรายชื่อเกษตรกรและตรวจสอบปริมาณกุ้งที่รับซื้อให้รอบคอบ
สำหรับโครงการแทรกแซงราคากุ้งแวนนาไม 3 หมื่นตัน มีระยะเวลาตั้งแต่เมษายน-ธันวาคม 2555 ซึ่งเป็นช่วงที่ผลผลิตกุ้งจะออกสู่ตลาดจำนวนมากถึง 60% ทำให้ราคาตลาดตกต่ำ โดยราคากุ้งได้เริ่มปรับตัวลดลงตั้งแต่เดือนมกราคมราคากุ้งอยู่ที่ 147 บาท/กก. เดือนกุมภาพันธ์ 144 บาท/กก. เดือนมีนาคมราคาอยู่ที่ 137 บาท/กก. และราคากุ้งปัจจุบันอยู่ที่ 118 บาท/กก.
นายบุญทรงกล่าวว่า ที่ประชุมยังได้เห็นชอบให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) กู้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน 300 ล้านบาท นำมาใช้นำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากประเทศลาวจำนวน 3 หมื่นตัน ระหว่างเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน เพื่อนำมาจัดสรรให้ผู้เลี้ยงไก่ไข่ และสุกร และ คชก.จะช่วยชดเชยอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้เป็นจำนวนเงิน 37.5 ล้านบาท
ส่วนกรณีที่ อคส.ได้เสนอให้ที่ประชุม คชก.อนุมัติค่าใช้จ่ายมาชดเชยหอมแดงที่แทรกแซงจำนวน 2 หมื่นตันเพื่อชดเชยการเน่าเสีย และชดเชยน้ำหนักหอมแดงที่หายไปจากการจัดเก็บ และขอค่าขนส่ง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 8 ล้านบาท หรือขอชดเชย 350 บาท/ตัน แต่ คชก.เห็นว่าควรจะมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการรับซื้อหอมแดงที่เกิดปัญหาในรอบแรกเสียก่อน โดยให้ทางกรมการค้าภายในเป็นประธาน เพื่อหาสาเหตุว่าหอมแดงที่รับซื้อ 2 หมื่นตันเหลือปริมาณหอมที่ขายได้เท่าไร และเสียหายจนไม่สามารถนำมาขายได้จำนวนเท่าไร และหอมแดงที่เน่าเสียจากการจัดเก็บที่ จ.ศรีสะเกษเพื่อนำไปทำปุ๋ยอีกจำนวนเท่าไร และให้นำมาเสนอ คชก. อีกครั้งเดือนพฤษภาคมนี้ ส่วนการซื้อหอมแดงรอบใหม่ 2 หมื่นตัน ให้ชะลอออกไปก่อน
สำหรับการหาผู้รับผิดชอบต่อความเสียหายในโครงการแทรกแซงหอมแดงในครั้งนี้ ขึ้นอยู่กับผลการตรวจสอบของคณะกรรมการว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นการทุจริตจริงหรือไม่ แต่ถ้าตรวจสอบข้อเท็จจริงไม่พบเป็นการทุจริต ก็สามารถเสนอของบ คชก.เพื่อเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาเพิ่มเติมจากที่ได้วางกรอบความสูญเสียจากการแทรกแซงราคาหอมแดงไม่เกิน 10%
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) วานนี้ (23 เม.ย.) ว่า คชก.ได้มีมติเห็นชอบเพิ่มวงเงินโครงการแทรกแซงราคาสับปะรดในประเทศจาก 1,442 ล้านบาท เป็น 1,590 ล้านบาท เพื่อนำมารับซื้อสับปะรดจำนวน 2 แสนตัน ในราคากิโลกรัมละ 4 บาท นำมาแปรรูปเป็นสับปะรดกระป๋องจำนวน 1.4 แสนตัน จากเดิม 1 แสนตัน แปรรูปเป็นอาหารสัตว์ 5.8 หมื่นตัน และแปรรูปเป็นปุ๋ย 2,000 ตัน จากเดิม 1 แสนตัน โดยจะเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติงบประมาณกลางเพื่อนำมาใช้ในการแทรกแซงราคาต่อไป
ขณะเดียวกัน ยังเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาโครงการชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ในอัตราดอกเบี้ย 3% ให้แก่โรงงานแปรรูปสับปะรดนำมาใช้เสริมสภาพคล่อง ซึ่งเป็นการขอขยายระยะเวลาจากมติ ครม.เดิมเมื่อปี 2554 ที่อนุมัติใช้วงเงิน 7.5 ล้านบาทในการชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2554–31 พฤษภาคม 2555 ขยายไปจนถึง 31 ธันวาคม 2555 โดยจะทำให้ต้องใช้งบประมาณในการชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มขึ้นเป็น 15 ล้านบาท
ทั้งนี้ คชก.ยังได้มีการพิจารณาช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งตามที่จังหวัดสงขลาร้องขอมา โดยอนุมัติงบประมาณ 93.85 ล้านบาท นำมาชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้อัตรา 3% แก่ผู้ประกอบการห้องเย็นเพื่อเสริมสภาพคล่องในการรับซื้อกุ้งขาวแวนนาไมจากเกษตรกรจำนวน 3 หมื่นตัน ในราคากิโลกรัมละ 135 บาท (60 ตัว/กก.) รวมทั้งอนุมัติงบประมาณ 2.73 ล้านบาทเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการรับซื้อกุ้งให้แก่เกษตรกร โดยมอบให้กรมประมงจัดทำบัญชีรายชื่อเกษตรกรและตรวจสอบปริมาณกุ้งที่รับซื้อให้รอบคอบ
สำหรับโครงการแทรกแซงราคากุ้งแวนนาไม 3 หมื่นตัน มีระยะเวลาตั้งแต่เมษายน-ธันวาคม 2555 ซึ่งเป็นช่วงที่ผลผลิตกุ้งจะออกสู่ตลาดจำนวนมากถึง 60% ทำให้ราคาตลาดตกต่ำ โดยราคากุ้งได้เริ่มปรับตัวลดลงตั้งแต่เดือนมกราคมราคากุ้งอยู่ที่ 147 บาท/กก. เดือนกุมภาพันธ์ 144 บาท/กก. เดือนมีนาคมราคาอยู่ที่ 137 บาท/กก. และราคากุ้งปัจจุบันอยู่ที่ 118 บาท/กก.
นายบุญทรงกล่าวว่า ที่ประชุมยังได้เห็นชอบให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) กู้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน 300 ล้านบาท นำมาใช้นำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากประเทศลาวจำนวน 3 หมื่นตัน ระหว่างเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน เพื่อนำมาจัดสรรให้ผู้เลี้ยงไก่ไข่ และสุกร และ คชก.จะช่วยชดเชยอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้เป็นจำนวนเงิน 37.5 ล้านบาท
ส่วนกรณีที่ อคส.ได้เสนอให้ที่ประชุม คชก.อนุมัติค่าใช้จ่ายมาชดเชยหอมแดงที่แทรกแซงจำนวน 2 หมื่นตันเพื่อชดเชยการเน่าเสีย และชดเชยน้ำหนักหอมแดงที่หายไปจากการจัดเก็บ และขอค่าขนส่ง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 8 ล้านบาท หรือขอชดเชย 350 บาท/ตัน แต่ คชก.เห็นว่าควรจะมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการรับซื้อหอมแดงที่เกิดปัญหาในรอบแรกเสียก่อน โดยให้ทางกรมการค้าภายในเป็นประธาน เพื่อหาสาเหตุว่าหอมแดงที่รับซื้อ 2 หมื่นตันเหลือปริมาณหอมที่ขายได้เท่าไร และเสียหายจนไม่สามารถนำมาขายได้จำนวนเท่าไร และหอมแดงที่เน่าเสียจากการจัดเก็บที่ จ.ศรีสะเกษเพื่อนำไปทำปุ๋ยอีกจำนวนเท่าไร และให้นำมาเสนอ คชก. อีกครั้งเดือนพฤษภาคมนี้ ส่วนการซื้อหอมแดงรอบใหม่ 2 หมื่นตัน ให้ชะลอออกไปก่อน
สำหรับการหาผู้รับผิดชอบต่อความเสียหายในโครงการแทรกแซงหอมแดงในครั้งนี้ ขึ้นอยู่กับผลการตรวจสอบของคณะกรรมการว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นการทุจริตจริงหรือไม่ แต่ถ้าตรวจสอบข้อเท็จจริงไม่พบเป็นการทุจริต ก็สามารถเสนอของบ คชก.เพื่อเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาเพิ่มเติมจากที่ได้วางกรอบความสูญเสียจากการแทรกแซงราคาหอมแดงไม่เกิน 10%