เซ็นทรัลเอ็มบาสซีจัดเต็มระบบป้องกันภัยรับมือภัยพิบัติต่างๆ ทั้งน้ำท่วม แผ่นดินไหว ม็อบบุกรุก เพิ่มงบก่อสร้างอีก 800 ล้านบาท จากเดิม 6,000 ล้านบาท สร้างความมั่นใจลูกค้าและผู้เช่าพื้นที่ เผยปล่อยเช่าได้แล้ว 70% จากพื้นที่ทั้งหมด แบรนด์เนมและลักชัวรียกทัพเปิดชอปเพียบ
นายชาติ จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ โครงการเซ็นทรัล เอ็มบาสซี บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือซีอาร์ซี เปิดเผยเกี่ยวกับความคืบหน้าโครงการเซ็นทรัลเอ็มบาสซี บนถนนเพลินจิต พื้นที่ 9 ไร่ ว่า บริษัทฯ ได้เพิ่มงบประมาณด้านการก่อสร้างอีก 800 ล้านบาท หรือประมาณ 15% จากเดิมที่ตั้งงบไว้ที่ 6,000 ล้านบาท เป็น 6,800 ล้านบาท จากมูลค่าโครงการทั้งหมดกว่า 10,000 ล้านบาท (รวมค่าที่ดินอีก 4,000 ล้านบาท) แต่ยังมั่นใจว่าจะคืนทุนภายใน 10 ปีตามเดิมที่วางไว้
ทั้งนี้ งบก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นเพื่อนำมาใช้ในการก่อสร้างระบบป้องภันภัยต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นมาจากเดิม โดยเฉพาะในเรื่องของการประหยัดพลังงาน การเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ระบบรักษาความปลอดภัย ป้องกันเหตุร้าย ระบบป้องกันน้ำท่วม อัคคีภัย แผ่นดินไหว
โดยเฉพาะในส่วนของระบบรักษาความปลอดภัย ป้องกันเหตุร้าย ด้วยการติดตั้งระบบป้องกันการบุกรุกและเหตุจลาจลครอบคลุมพื้นที่ศูนย์การค้าและตัวอาคารโดยรอบ, ตรวจสอบวัตถุระเบิดด้วยเครื่องมือที่มีโปรแกรมพิเศษ, คัดสรรบุคลากรดูแลในด้านรักษาความปลอดภัยที่มีความรู้และได้รับการฝึกปฏิบัติมาอย่างดีเยี่ยม พร้อมรับมือและเผชิญเหตุการณ์ฉุกเฉินต่างๆ รวมถึงการประยุกต์ใช้มาตรการป้องกันเหตุฉุกเฉินตามมาตรฐานสากล
การวางระบบป้องกันเหตุอุทกภัยโดยการย้ายงานระบบหรือห้องเครื่องขึ้นไปอยู่บนอาคาร ซึ่งทำเลที่ตั้งของโครงการเป็นพื้นที่สูงและสูงกว่าระดับน้ำทะเลด้วย และยังทำระบบผนังป้องกันน้ำท่วม มีความสูง 1.5 เมตรจากระดับถนนเพลินจิต
ส่วนทางด้านระบบป้องกันเหตุแผ่นดินไหว ได้ออกแบบตัวอาคารซึ่งสามารถรับแรงสั่นสะเทือนที่เกิดจากเหตุแผ่นดินไหวได้สูงกว่ามาตรฐานของกรมโยธาธิการหรือสูงกว่าประเภทอาคารห้างสรรพสินค้าทั่วไปถึง 20%
สำหรับความคืบหน้าการก่อสร้างของโครงการ ขณะนี้ด้านโครงสร้างและสถาปัตยกรรมหลักเสร็จแล้วกว่า 15% งานขุดดินถึงระดับชั้นใต้ดิน B2 และ B3 หรือที่ระดับความลึก 6.50-12.50 เมตรจากพื้นดิน โดยบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งปี 2555 นี้จะเน้นการก่อสร้างส่วนชั้นใต้ดินเป็นหลัก โดยมีชั้นใต้ดินถึง 5 ชั้น คาดว่าการก่อสร้างจนถึงชั้น Basement จะแล้วเสร็จเดือนกุมภาพันธ์ 2556
จากนั้นจะดำเนินการก่อสร้างตั้งแต่ชั้น G ขึ้นไปในเดือนมีนาคม 2556 และจะเสร็จสมบูรณ์ทันตามแผนงานในเดือนธันวาคม 2556 เพื่อเปิดบริการในส่วนของศูนย์การค้าได้
ส่วนความคืบหน้าด้านการขายพื้นที่นั้นได้ปล่อยให้เช่าแล้ว 70% คาดว่าจะปิดดีลการขายพื้นที่ 90% ภายในสิ้นปีนี้ จากทั้งหมด 200 กว่ายูนิต โดยราคาค่าเช่าเฉลี่ย 4,000 กว่าบาทต่อตารางเมตรต่อเดือน และจะเพิ่มอีก 10% ในเฟสที่สอง จากพื้นที่ขายทั้งหมด 40,000 ตารางเมตร จากพื้นที่ค้าปลีกทั้งหมด 70,000 ตารางเมตร
ในส่วนของร้านค้านั้น จะเน้นไปที่การคัดสรรแบรนด์ใหม่ทั่วประเทศ และต่างประเทศระดับลักชัวรีแบรนด์ เน้นแบรนด์ต่างประเทศ 70% แบรนด์ไทย 30% โดยกำหนดรูปแบบร้านค้าไว้ 3 แบบ คือ 1. ดิไอคอนส์แฟลกชิป เป็นร้านแบรนด์สินค้าแบรนด์เนมลักชัวรีที่ต้องการพื้นที่ขนาดใหญ่ที่สุด มีทุกคอลเลกชัน และสินค้าลิมิเต็ดเอดิชัน 2. เอ็กซ์คลูซีฟคอนเซ็ปต์ ร้านแบรนด์สินค้าแบบฟรีสแตนดิ้งหรือบูติกแห่งเดียวในไทย มีเฉพาะที่เซ็นทรัลเอ็มบาสซีเท่านั้น 3. ร้านแบรนด์ใหม่ ที่ไม่เคยมีจำหน่ายมาก่อนในไทยและเป็นร้านที่นำเสนอคอนเซ็ปต์ใหม่เฉพาะสำหรับเซ็นทรัลเอ็มบาสซีที่เดียวเท่านั้น ซึ่งแบรนด์ที่ตกลงกันเปิดร้านแล้ว เช่น กุชชี่, ปราด้า, เฮอร์เมส, ราล์ฟลอเรน, กุยเซปเป้ซาโนติ, วิเวียนเวสต์วูด เป็นต้น
นายชาติ จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ โครงการเซ็นทรัล เอ็มบาสซี บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือซีอาร์ซี เปิดเผยเกี่ยวกับความคืบหน้าโครงการเซ็นทรัลเอ็มบาสซี บนถนนเพลินจิต พื้นที่ 9 ไร่ ว่า บริษัทฯ ได้เพิ่มงบประมาณด้านการก่อสร้างอีก 800 ล้านบาท หรือประมาณ 15% จากเดิมที่ตั้งงบไว้ที่ 6,000 ล้านบาท เป็น 6,800 ล้านบาท จากมูลค่าโครงการทั้งหมดกว่า 10,000 ล้านบาท (รวมค่าที่ดินอีก 4,000 ล้านบาท) แต่ยังมั่นใจว่าจะคืนทุนภายใน 10 ปีตามเดิมที่วางไว้
ทั้งนี้ งบก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นเพื่อนำมาใช้ในการก่อสร้างระบบป้องภันภัยต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นมาจากเดิม โดยเฉพาะในเรื่องของการประหยัดพลังงาน การเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ระบบรักษาความปลอดภัย ป้องกันเหตุร้าย ระบบป้องกันน้ำท่วม อัคคีภัย แผ่นดินไหว
โดยเฉพาะในส่วนของระบบรักษาความปลอดภัย ป้องกันเหตุร้าย ด้วยการติดตั้งระบบป้องกันการบุกรุกและเหตุจลาจลครอบคลุมพื้นที่ศูนย์การค้าและตัวอาคารโดยรอบ, ตรวจสอบวัตถุระเบิดด้วยเครื่องมือที่มีโปรแกรมพิเศษ, คัดสรรบุคลากรดูแลในด้านรักษาความปลอดภัยที่มีความรู้และได้รับการฝึกปฏิบัติมาอย่างดีเยี่ยม พร้อมรับมือและเผชิญเหตุการณ์ฉุกเฉินต่างๆ รวมถึงการประยุกต์ใช้มาตรการป้องกันเหตุฉุกเฉินตามมาตรฐานสากล
การวางระบบป้องกันเหตุอุทกภัยโดยการย้ายงานระบบหรือห้องเครื่องขึ้นไปอยู่บนอาคาร ซึ่งทำเลที่ตั้งของโครงการเป็นพื้นที่สูงและสูงกว่าระดับน้ำทะเลด้วย และยังทำระบบผนังป้องกันน้ำท่วม มีความสูง 1.5 เมตรจากระดับถนนเพลินจิต
ส่วนทางด้านระบบป้องกันเหตุแผ่นดินไหว ได้ออกแบบตัวอาคารซึ่งสามารถรับแรงสั่นสะเทือนที่เกิดจากเหตุแผ่นดินไหวได้สูงกว่ามาตรฐานของกรมโยธาธิการหรือสูงกว่าประเภทอาคารห้างสรรพสินค้าทั่วไปถึง 20%
สำหรับความคืบหน้าการก่อสร้างของโครงการ ขณะนี้ด้านโครงสร้างและสถาปัตยกรรมหลักเสร็จแล้วกว่า 15% งานขุดดินถึงระดับชั้นใต้ดิน B2 และ B3 หรือที่ระดับความลึก 6.50-12.50 เมตรจากพื้นดิน โดยบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งปี 2555 นี้จะเน้นการก่อสร้างส่วนชั้นใต้ดินเป็นหลัก โดยมีชั้นใต้ดินถึง 5 ชั้น คาดว่าการก่อสร้างจนถึงชั้น Basement จะแล้วเสร็จเดือนกุมภาพันธ์ 2556
จากนั้นจะดำเนินการก่อสร้างตั้งแต่ชั้น G ขึ้นไปในเดือนมีนาคม 2556 และจะเสร็จสมบูรณ์ทันตามแผนงานในเดือนธันวาคม 2556 เพื่อเปิดบริการในส่วนของศูนย์การค้าได้
ส่วนความคืบหน้าด้านการขายพื้นที่นั้นได้ปล่อยให้เช่าแล้ว 70% คาดว่าจะปิดดีลการขายพื้นที่ 90% ภายในสิ้นปีนี้ จากทั้งหมด 200 กว่ายูนิต โดยราคาค่าเช่าเฉลี่ย 4,000 กว่าบาทต่อตารางเมตรต่อเดือน และจะเพิ่มอีก 10% ในเฟสที่สอง จากพื้นที่ขายทั้งหมด 40,000 ตารางเมตร จากพื้นที่ค้าปลีกทั้งหมด 70,000 ตารางเมตร
ในส่วนของร้านค้านั้น จะเน้นไปที่การคัดสรรแบรนด์ใหม่ทั่วประเทศ และต่างประเทศระดับลักชัวรีแบรนด์ เน้นแบรนด์ต่างประเทศ 70% แบรนด์ไทย 30% โดยกำหนดรูปแบบร้านค้าไว้ 3 แบบ คือ 1. ดิไอคอนส์แฟลกชิป เป็นร้านแบรนด์สินค้าแบรนด์เนมลักชัวรีที่ต้องการพื้นที่ขนาดใหญ่ที่สุด มีทุกคอลเลกชัน และสินค้าลิมิเต็ดเอดิชัน 2. เอ็กซ์คลูซีฟคอนเซ็ปต์ ร้านแบรนด์สินค้าแบบฟรีสแตนดิ้งหรือบูติกแห่งเดียวในไทย มีเฉพาะที่เซ็นทรัลเอ็มบาสซีเท่านั้น 3. ร้านแบรนด์ใหม่ ที่ไม่เคยมีจำหน่ายมาก่อนในไทยและเป็นร้านที่นำเสนอคอนเซ็ปต์ใหม่เฉพาะสำหรับเซ็นทรัลเอ็มบาสซีที่เดียวเท่านั้น ซึ่งแบรนด์ที่ตกลงกันเปิดร้านแล้ว เช่น กุชชี่, ปราด้า, เฮอร์เมส, ราล์ฟลอเรน, กุยเซปเป้ซาโนติ, วิเวียนเวสต์วูด เป็นต้น
