ASTVผู้จัดการรายวัน – 5พันธมิตรย่านเพลินจิต-วิทยุ ผนึกกำลังปั้น “เพลินจิตซิตี้”รวมมูลค่าโครงการกว่า 50,000 ล้านบาท สู่ลักซ์ชัวรี่แลนมาร์คแห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพฯในอนาคต มั่นใจเป็นแลนด์มาร์คการลงทุน รับAEC
นายชาติ จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการโครงการ เซ็นทรัลเอ็มบาสซี บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า บริเวณย่านเพลินจิต ถือเป็นทำเลที่มีศักยภาพมากๆในอนาคต โดยเฉพาะในเรื่องเรียลเอสเตรท อีกทั้งในบริเวณดังกล่าวยังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยคิดเป็น 10% ของจำนวนพื้นที่ทั้งหมด และในอนาคตจะเพิ่มขึ้นอีกอย่า
งต่อเนื่อง ขณะเดียวกันมีจำนวนทราฟฟิกกว่าวันละ 50,000 คน ในอีก 5 ปีข้างหน้าจะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว หรือกว่า 100,000คน ต่อวัน
ดังนั้นจึงได้เกิดการรวมตัวกันของธุรกิจภาคเอกชนยักษ์ใหญ่บนพื้นที่ย่านถนนเพลินจิต-วิทยุ พัฒนาศักยภาพของย่านเพลินจิต-วิทยุ สู่ ความเป็น แลนด์มาร์คระดับพรีเมี่ยม แห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพฯมหานคร ภายใต้ชื่อ “Ploenchit City-เพลินจิตซิตี้” ประกอบด้วย 5 โครงการ ได้แก่ 1.ธนาคารกรุงศรีอยุธยา 2.โครงการเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ภายใต้การบริหารงานโดยบริษัท เซ็นทรัลรีเทล
คอร์ปอเรชั่น จำกัด 3.โครงการโนเบิล เพลินจิต บริหารโดยบริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) 4.โครงการปาร์คเวนเชอร์ ดิ อีโคเพล็กซ์ ออน วิทยุ บริหารโดยกลุ่มบริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) และ5. นายเลิศ กรุ๊ป ที่จะผลักดันให้เป็นศูนย์กลางไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายและเป็นชุมชนคุณภาพรูปแบบใหม่ ด้วยมูลค่าโครงการกว่า 5,000 ล้านบาท
สำหรับเพลินจิตซีตี้ เมื่อแล้วเสร็จภายใน 2 ปีข้างหน้า จะส่งผลให้กลายเป็นย่านการค้าและธุรกิจระดับลักซ์ชัวรี่แลนด์มาร์ค โดยหลังจากนี้จะมีโครงการใหม่ๆที่จะเกิดขึ้นอีกราว 14 โครงการ รวมมูลค่าโครงการไม่ต่ำกว่าแสนล้านบาท (เมื่อรวมกับเพลินจิตซิตี้) ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่อยู่อาศัยทั้งโรงแรมและคอนโดมิเนียม
จะส่งผลให้บริเวณดังกล่าวจะกลายเป็นย่านธุรกิจที่มีผู้อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นตลอด 24 ชม. หรือจากเดิมในปัจจุบันมีจำนวนโรงแรมเพียง 3,000 ห้อง จะเพิ่มเป็น 5,000 ห้องภายในระยะเวลา 5 ปี และจากจำนวนคอนโดมิเนียมที่ 1,200 ยูนิต จะเพิ่มขึ้นเป็น 5,000 ยูนิตต่อไป
นอกจากนี้ในส่วนของพื้นที่ออฟฟิศบิวดิ้ง เชื่อว่าจะมีเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน เนื่องจากโครงการดังกล่าวยังรองรับการเปิดตัวของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 ที่จะถึงนี้ด้วย ดังนั้นจะมีการลงทุนจากต่างชาติเข้ามา และจะมีการเข้ามาเปิดออฟฟิศในกรุงเทพฯมากยิ่งขึ้น ย่านนี้จึงถือเป็นแลนด์มาร์คอันดับต้นๆที่กลุ่มนักลงทุนต่างชาติจะให้ความสนใจ
ที่สำคัญยอดค่าใช้จ่ายบริเวณนี้ เชื่อว่าสูงกว่าย่านอื่นๆทั้งหมด เพราะส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้อยู่อาศัยในบริเวณนี้อยู่แล้ว เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ มากกว่าย่านอื่นที่จะเป็นกลุ่มคนทำงานเป็นหลัก
ส่วนเบื้องต้นของแผนการตลาด จะมีการสร้างการรับรู้และจดจำแบรนด์ เพลินจิตซิตี้ ต่อไป รวมถึงจะมีการเจรจาจัดทำสกายวอร์ค พร้อมดึงพันธมิตรในย่านดังกล่าวมาทำการตลาดร่วมกัน ภายใต้คอนเซ็ปต์ความเป็นแลนด์มาร์คธุรกิจระดับพรีเมี่ยม ซึ่งขณะนี้มีความเป็นไปได้ที่จะมีการรวมตัวกันของผู้ประกอบการในย่านดังกล่าวสู่การเป็นสมาคมเพลินจิตซิตี้
แต่ทั้งนี้ต้องขอดูความสำเร็จของโครงการเพลินจิตซิตี้ก่อน คาดว่าจะใช้เวลาราว4-5 ปีข้างหน้า
นายชาติ กล่าวต่อว่า สำหรับโครงการ เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ในส่วนของศูนย์การค้าจะเปิดให้บริการได้ในช่วง ปลายปี 2555 และในส่วนของโรงแรมจะเปิดได้ในช่วงต้นปี 2556 ขณะที่ในส่วนของศูนย์การค้า สามารถรองรับได้ทั้งสิ้น 150 ชอป มีจำนวนผู้ที่สนใจกว่า 450 แบรนด์แล้ว ทั้งนี้ทางบริษัทต้องการให้ 30% ของจำนวนแบรนด์สินค้าที่เข้ามาเปิด
เป็นแบรนด์ใหม่หรืออยู่ภายใต้สโตร์คอนเซ็ปต์ใหม่ ซึ่งโดยรวมของศูนย์การค้าแห่งนี้ ต้องการให้เป็นลักซ์ชัวรี่ระดับเดียวกับห้างหรูอิตลาลี ลา รีนาเชนเต ที่อิตาลี
นายชาติ จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการโครงการ เซ็นทรัลเอ็มบาสซี บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า บริเวณย่านเพลินจิต ถือเป็นทำเลที่มีศักยภาพมากๆในอนาคต โดยเฉพาะในเรื่องเรียลเอสเตรท อีกทั้งในบริเวณดังกล่าวยังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยคิดเป็น 10% ของจำนวนพื้นที่ทั้งหมด และในอนาคตจะเพิ่มขึ้นอีกอย่า
งต่อเนื่อง ขณะเดียวกันมีจำนวนทราฟฟิกกว่าวันละ 50,000 คน ในอีก 5 ปีข้างหน้าจะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว หรือกว่า 100,000คน ต่อวัน
ดังนั้นจึงได้เกิดการรวมตัวกันของธุรกิจภาคเอกชนยักษ์ใหญ่บนพื้นที่ย่านถนนเพลินจิต-วิทยุ พัฒนาศักยภาพของย่านเพลินจิต-วิทยุ สู่ ความเป็น แลนด์มาร์คระดับพรีเมี่ยม แห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพฯมหานคร ภายใต้ชื่อ “Ploenchit City-เพลินจิตซิตี้” ประกอบด้วย 5 โครงการ ได้แก่ 1.ธนาคารกรุงศรีอยุธยา 2.โครงการเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ภายใต้การบริหารงานโดยบริษัท เซ็นทรัลรีเทล
คอร์ปอเรชั่น จำกัด 3.โครงการโนเบิล เพลินจิต บริหารโดยบริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) 4.โครงการปาร์คเวนเชอร์ ดิ อีโคเพล็กซ์ ออน วิทยุ บริหารโดยกลุ่มบริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) และ5. นายเลิศ กรุ๊ป ที่จะผลักดันให้เป็นศูนย์กลางไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายและเป็นชุมชนคุณภาพรูปแบบใหม่ ด้วยมูลค่าโครงการกว่า 5,000 ล้านบาท
สำหรับเพลินจิตซีตี้ เมื่อแล้วเสร็จภายใน 2 ปีข้างหน้า จะส่งผลให้กลายเป็นย่านการค้าและธุรกิจระดับลักซ์ชัวรี่แลนด์มาร์ค โดยหลังจากนี้จะมีโครงการใหม่ๆที่จะเกิดขึ้นอีกราว 14 โครงการ รวมมูลค่าโครงการไม่ต่ำกว่าแสนล้านบาท (เมื่อรวมกับเพลินจิตซิตี้) ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่อยู่อาศัยทั้งโรงแรมและคอนโดมิเนียม
จะส่งผลให้บริเวณดังกล่าวจะกลายเป็นย่านธุรกิจที่มีผู้อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นตลอด 24 ชม. หรือจากเดิมในปัจจุบันมีจำนวนโรงแรมเพียง 3,000 ห้อง จะเพิ่มเป็น 5,000 ห้องภายในระยะเวลา 5 ปี และจากจำนวนคอนโดมิเนียมที่ 1,200 ยูนิต จะเพิ่มขึ้นเป็น 5,000 ยูนิตต่อไป
นอกจากนี้ในส่วนของพื้นที่ออฟฟิศบิวดิ้ง เชื่อว่าจะมีเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน เนื่องจากโครงการดังกล่าวยังรองรับการเปิดตัวของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 ที่จะถึงนี้ด้วย ดังนั้นจะมีการลงทุนจากต่างชาติเข้ามา และจะมีการเข้ามาเปิดออฟฟิศในกรุงเทพฯมากยิ่งขึ้น ย่านนี้จึงถือเป็นแลนด์มาร์คอันดับต้นๆที่กลุ่มนักลงทุนต่างชาติจะให้ความสนใจ
ที่สำคัญยอดค่าใช้จ่ายบริเวณนี้ เชื่อว่าสูงกว่าย่านอื่นๆทั้งหมด เพราะส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้อยู่อาศัยในบริเวณนี้อยู่แล้ว เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ มากกว่าย่านอื่นที่จะเป็นกลุ่มคนทำงานเป็นหลัก
ส่วนเบื้องต้นของแผนการตลาด จะมีการสร้างการรับรู้และจดจำแบรนด์ เพลินจิตซิตี้ ต่อไป รวมถึงจะมีการเจรจาจัดทำสกายวอร์ค พร้อมดึงพันธมิตรในย่านดังกล่าวมาทำการตลาดร่วมกัน ภายใต้คอนเซ็ปต์ความเป็นแลนด์มาร์คธุรกิจระดับพรีเมี่ยม ซึ่งขณะนี้มีความเป็นไปได้ที่จะมีการรวมตัวกันของผู้ประกอบการในย่านดังกล่าวสู่การเป็นสมาคมเพลินจิตซิตี้
แต่ทั้งนี้ต้องขอดูความสำเร็จของโครงการเพลินจิตซิตี้ก่อน คาดว่าจะใช้เวลาราว4-5 ปีข้างหน้า
นายชาติ กล่าวต่อว่า สำหรับโครงการ เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ในส่วนของศูนย์การค้าจะเปิดให้บริการได้ในช่วง ปลายปี 2555 และในส่วนของโรงแรมจะเปิดได้ในช่วงต้นปี 2556 ขณะที่ในส่วนของศูนย์การค้า สามารถรองรับได้ทั้งสิ้น 150 ชอป มีจำนวนผู้ที่สนใจกว่า 450 แบรนด์แล้ว ทั้งนี้ทางบริษัทต้องการให้ 30% ของจำนวนแบรนด์สินค้าที่เข้ามาเปิด
เป็นแบรนด์ใหม่หรืออยู่ภายใต้สโตร์คอนเซ็ปต์ใหม่ ซึ่งโดยรวมของศูนย์การค้าแห่งนี้ ต้องการให้เป็นลักซ์ชัวรี่ระดับเดียวกับห้างหรูอิตลาลี ลา รีนาเชนเต ที่อิตาลี