ASTVผู้จัดการรายวัน - 5 ยักษ์ใหญ่ต่างธุรกิจ“เซ็นทรั่ล,โนเบิล,ยูนิเวนเจอร์ ,แบงก์กรุงศรีฯ,นายเลิศกรุ๊ป” ผนึกกำลังปั้นวอร์คกิ้งสตรีต จำลอง“ซองเซริเซ่” แหล่งเศรษฐกิจที่ไม่เคยหลับใหลใจกลางกรุงเทพ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “เพลินจิต ซิตี้” เชื่อดึงทุนอสังหาฯ,รร,สำนักงาน,ช็อปปิ้งมอลล์แห่ลงทุน เผยจอเปิดอีก14โครงการมูลค่ากว่าแสนล้านบาท
5 พันธมิตรธุรกิจรายไหญ่ ซึ่งได้แก่ บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอปอร์เลชั่น จำกัด, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน), กลุ่มนายเลิศกรุ๊ป, บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) รวมกันพัฒนาศูนย์กลางธุรกิจสำคัญของเมืองไทยภายใต้คอนเซ็ป “เพลินจิต ซิตี้” เพื่อให้เป็นเช่นเดียวกับเมืองช็อปปิ้งระดับโลก เช่น ฌ็องเซลิเซ่ ฝรั่งเศส, ถนนฟิฟเอเวนิว นิวยอร์ค และชินจูกุ ญี่ปุ่น เป็นต้น
ทั้งนี้ความร่วมมือในครั้งนี้ เบื้องต้นจะมุ่งการพัฒนา 2 เรื่องหลัก คือ 1.การวางแลนด์สเคป การพัฒนาทางเดินฟุตบาตร และ 2.ทางเชื่อมต่อสกายวอล์คร่วมกันของทั้ง5โครงการของ 5 บริษัท เพื่อสร้างให้เกิดการเชื่อมต่อและการเข้าถึงของผู้ใช้บริการ ส่วนในอนาคต ทั้ง5บริษัทจะมีการร่วมมือกันในการทำตลาดเพื่อสร้างแบรนด์ “เพลินจิต ซิตี้” ให้เข้าถึงลูกค้า โดยจุดมุ่งหมายของโครงการนี้เกิดขึ้นเพื่อ สร้างให้เพลินจิตเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของ กทม.แทนถนนราชประสงค์
นายธงชัย บุศราพันธ์ กรรมการผู้จัดการบริษัทโนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ถนนเพลินจิตร เป็นทำเลศักยภาพ ที่เหมาะแก่การพัฒนา ให้เป็นย่านเศรษฐกิจพรีเมี่ยม เพราะมีความต่างจากย่านถนนราชประสงค์ ที่ปัจจุบันไม่เหลือพื้นที่ในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยและโรงแรมได้อีก แต่เป็นที่ตั้งของอาคารสำนักงาน และศูนย์การค้า ซึ่งเมือถึงเวลากลางคืนจะกลายเป็นเมืองร้างหรือเงียบเหงาไม่มีการเคลื่อนไหวของเศรษฐกิจ เพราะทุกคนต้องออกไปพักอาศัยยังนอกเมือง ขณะที่พื้นที่ย่านเพลินจิตยังสามารถขยายตัวทั้งในด้านที่อยู่อาศัย สำนักงานศูนย์การค้า โรงแรม และธุรกิจอื่นๆ อีกมากเพราะยังมีพื้นที่ให้สามารถพัฒนาโครงการใหม่ๆ ได้ และสร้างให้เพลินจิต เป็นแหล่งถนนคนเดินและสร้างเศรษฐกิจได้ทั้งในเวลากลางวันและยามค่ำคืน
ในส่วนของโนเบิลได้ลงทุนพัฒนาโครงการ โนเบิล เพลินจิต ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียม 3 อาคารสูง 50, 45, และ14 ชั้น จำนวน1,442 ยูนิต มูลค่ารวม 14,500ล้านบาท บนเนื่องที่ 9ไร่ พร้อมทั้งสร้างอาคารนำนักงาน1อาคารสูง3ชั้น ซึ่งในส่วนของ พื้นที่ก่อสร้างใช้เนื่องที่ทั้งหมด 5ไร่ ส่วนที่เหลือ 4 ไร่จะพัฒนาเป็นพื้นที่สีเขียวพร้อมถนนคนเดินและทางเชื่อมต่อกับโครงการของบริษัทพันธมิตร
ด้านนางอรฤดี ณ ระนอง ประธานอำนวยการ บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทั้งนี้ ในความร่วมมือดังกล่าวเชื่อว่าจะเป็นการเพิ่มศักยภาพของพันธมิตรเป็นการนำจุดแข็งในแต่ละด้านของแต่ละบริษัทมาใช้เป็นแรงจูงใจและดึงดูดให้เกิดการลงทุนในพื้นที่ดังกล่าว ทำให้เกิดแบรนด์ดิ้ง เพื่อทำตลอดระดับไฮเอนด์ ซึ่งจะกลายเป็นเมกะโปรเจ็กต์ขนาดใหญ่ในอนาคต ซึ่งเมื่อเกิดการลงทุนในพื้นที่จนกลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ ที่มีโมเดลเดียวกับ ซองเซริเซ่ ในประเทศฝรั่งเศสได้
ทั้งนี้กลุ่มยูนิเวนเจอร์ ได้พัฒนาโครงการ “ปาร์ค เวนเจอร์ - ดิ อีโคเพล็กซ์ วิทยุ” เป็นการลงทุนภายใต้บริษัทลูกในย่านเพลินจิต บนเนื่อที่ 5 ไร่ พื้นที่รวม 81,400 ตารางเมตร โดยพัฒนาเป็นอาคารออฟฟิศสูง34ชั้น แบ่งพื้นที่ออกเป็นพื้นที่เช่าค้าขายใน ชั้นที่1-2 ขนาดพื้นที่ 1,000 ตารางเมตร ชั้น8-22 เป็นพื้นที่สำนักงานเช่า 27,000 ตร.ม. ส่วนชั้น 23-34 เป็นส่วนของโรงแรม ดิ โอกูระ เพรสทีจ แบงค็อก จำนวน240ห้อง
นายชาติ จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการโครงการเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ของกลุ่มบริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอปอร์เลชั่น จำกัด กล่าวว่า “เพลินจิต ซิตี้” ถูกวางคอนเซ็ปต์ร่วมกันของทั้ง5บริษัท ให้เป็นศูนย์เศรษฐกิจระดับพรีเมี่ยม แห่งใหม่ของกทม. ซึ่งในอนาคตจะกลายเป็นแหล่งดึงดูดให้เกิดการลงทุน จากกลุ่มธุรกิจต่างๆ ที่ครบวงจร และมีความหลากหลาย ซึ่งเป็นการเปิดประตูเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนรองรับกับการเปิดตัวของประชาคมเศรษฐกิจอาเซี่ยน”นายชาติ จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการโครงการเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ของกลุ่มบริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอปอร์เลชั่น จำกัด
โดยในเบื้องต้น กลุ่มธุรกิจ ทั้ง5 บริษัท ได้วางแผนพัฒนาโครงสร้างสาธารณบนถนนเพลินจิตร่วมกัน ซึ่งในส่วนของ เซ็นทรัลรีเทลฯ ได้มีการก่อสร้างโครงการเซ็นทรีล เอ็มบาสซี ให้เป็นศูนย์การค้าและโรงแรมระดับพรีเมี่ยม รองรับนักท่องเที่ยวและนักช้อปปิ้งชาวไทยและต่างชาติ เป็นอาคาร37ชั้น บนเนื้อที่9ไร่ โดยแบ่งออกเป็นศูนย์การค้า8ชั้น 30ชั้นจะพัฒนาเป็นสวนลอยฟ้าและโรงแรม พาร์ค ไฮแอท มูลค่าลงทุนกว่า10,000ล้านบาทซึ่งจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2556
“นอกจาก 5พันธมิตรหลักที่มีการลงทุนพัฒนาโครงการทั้ง5โครงการดังกล่าวข้างต้นวึ่งมีมูลค่ากว่า 50,000 ล้านบาทแล้ว ขณะนี้ยังมีธุรกิจอื่นๆแสดงความสนใจเข้าร่วมโครงการอีกหลายรายซึ่งทางกลุ่มไม่ได้ปิดกั้นและยินดีต้อนรับในการเข้าร่วมโครงการ โดยขณะนี้พบว่ามีอีกกว่า14 โครงการใหม่ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ในพื้นที่คิดเป็นมูลค่ากว่า 100,000ล้านบาท”
นายแดน ฮาร์โซน ประธานคณะเจ้าหน้าที่ ด้านการตลาดองค์กร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในเบื้องต้นนี้ กรุงศรีฯ จะมีการนำร่องการปรับภาพลักษณ์ภูมิทัศน์ในพื้นที่ของสำนักงานใหญ่และพื้นที่เชื่อมต่อให้มีความทันสมัย ง่ายต่อการจดจำ เพื่อให้เป็นศูนย์กลางธุรกิจทางการเงินการธนาคาร รองรับการขยายตัวของประชากรที่พักอาศัยที่จะเติบโตในอนาคต ซึ่งคาดว่าจะใช้งบประมาณงานการดำเนินการกว่า 200ล้านบาท
ด้านนางสาวณพาภรณ์ โพธิรัตนังกูร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ นายเลิศกรุ๊ป กล่าวว่า นอกจากนายเลิศกรุ๊ป จะมีการพัฒนาทางทาวน์เชื่อมต่อ และวางแลนด์สเคป ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกับกลุ่มพันธมิรแล้ว จะมีการเปิดบ้านไม้สัก อายุ 100 ปี และบริเวณสวนให้ประชาชนเข้าชมได้ด้วย
5 พันธมิตรธุรกิจรายไหญ่ ซึ่งได้แก่ บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอปอร์เลชั่น จำกัด, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน), กลุ่มนายเลิศกรุ๊ป, บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) รวมกันพัฒนาศูนย์กลางธุรกิจสำคัญของเมืองไทยภายใต้คอนเซ็ป “เพลินจิต ซิตี้” เพื่อให้เป็นเช่นเดียวกับเมืองช็อปปิ้งระดับโลก เช่น ฌ็องเซลิเซ่ ฝรั่งเศส, ถนนฟิฟเอเวนิว นิวยอร์ค และชินจูกุ ญี่ปุ่น เป็นต้น
ทั้งนี้ความร่วมมือในครั้งนี้ เบื้องต้นจะมุ่งการพัฒนา 2 เรื่องหลัก คือ 1.การวางแลนด์สเคป การพัฒนาทางเดินฟุตบาตร และ 2.ทางเชื่อมต่อสกายวอล์คร่วมกันของทั้ง5โครงการของ 5 บริษัท เพื่อสร้างให้เกิดการเชื่อมต่อและการเข้าถึงของผู้ใช้บริการ ส่วนในอนาคต ทั้ง5บริษัทจะมีการร่วมมือกันในการทำตลาดเพื่อสร้างแบรนด์ “เพลินจิต ซิตี้” ให้เข้าถึงลูกค้า โดยจุดมุ่งหมายของโครงการนี้เกิดขึ้นเพื่อ สร้างให้เพลินจิตเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของ กทม.แทนถนนราชประสงค์
นายธงชัย บุศราพันธ์ กรรมการผู้จัดการบริษัทโนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ถนนเพลินจิตร เป็นทำเลศักยภาพ ที่เหมาะแก่การพัฒนา ให้เป็นย่านเศรษฐกิจพรีเมี่ยม เพราะมีความต่างจากย่านถนนราชประสงค์ ที่ปัจจุบันไม่เหลือพื้นที่ในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยและโรงแรมได้อีก แต่เป็นที่ตั้งของอาคารสำนักงาน และศูนย์การค้า ซึ่งเมือถึงเวลากลางคืนจะกลายเป็นเมืองร้างหรือเงียบเหงาไม่มีการเคลื่อนไหวของเศรษฐกิจ เพราะทุกคนต้องออกไปพักอาศัยยังนอกเมือง ขณะที่พื้นที่ย่านเพลินจิตยังสามารถขยายตัวทั้งในด้านที่อยู่อาศัย สำนักงานศูนย์การค้า โรงแรม และธุรกิจอื่นๆ อีกมากเพราะยังมีพื้นที่ให้สามารถพัฒนาโครงการใหม่ๆ ได้ และสร้างให้เพลินจิต เป็นแหล่งถนนคนเดินและสร้างเศรษฐกิจได้ทั้งในเวลากลางวันและยามค่ำคืน
ในส่วนของโนเบิลได้ลงทุนพัฒนาโครงการ โนเบิล เพลินจิต ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียม 3 อาคารสูง 50, 45, และ14 ชั้น จำนวน1,442 ยูนิต มูลค่ารวม 14,500ล้านบาท บนเนื่องที่ 9ไร่ พร้อมทั้งสร้างอาคารนำนักงาน1อาคารสูง3ชั้น ซึ่งในส่วนของ พื้นที่ก่อสร้างใช้เนื่องที่ทั้งหมด 5ไร่ ส่วนที่เหลือ 4 ไร่จะพัฒนาเป็นพื้นที่สีเขียวพร้อมถนนคนเดินและทางเชื่อมต่อกับโครงการของบริษัทพันธมิตร
ด้านนางอรฤดี ณ ระนอง ประธานอำนวยการ บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทั้งนี้ ในความร่วมมือดังกล่าวเชื่อว่าจะเป็นการเพิ่มศักยภาพของพันธมิตรเป็นการนำจุดแข็งในแต่ละด้านของแต่ละบริษัทมาใช้เป็นแรงจูงใจและดึงดูดให้เกิดการลงทุนในพื้นที่ดังกล่าว ทำให้เกิดแบรนด์ดิ้ง เพื่อทำตลอดระดับไฮเอนด์ ซึ่งจะกลายเป็นเมกะโปรเจ็กต์ขนาดใหญ่ในอนาคต ซึ่งเมื่อเกิดการลงทุนในพื้นที่จนกลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ ที่มีโมเดลเดียวกับ ซองเซริเซ่ ในประเทศฝรั่งเศสได้
ทั้งนี้กลุ่มยูนิเวนเจอร์ ได้พัฒนาโครงการ “ปาร์ค เวนเจอร์ - ดิ อีโคเพล็กซ์ วิทยุ” เป็นการลงทุนภายใต้บริษัทลูกในย่านเพลินจิต บนเนื่อที่ 5 ไร่ พื้นที่รวม 81,400 ตารางเมตร โดยพัฒนาเป็นอาคารออฟฟิศสูง34ชั้น แบ่งพื้นที่ออกเป็นพื้นที่เช่าค้าขายใน ชั้นที่1-2 ขนาดพื้นที่ 1,000 ตารางเมตร ชั้น8-22 เป็นพื้นที่สำนักงานเช่า 27,000 ตร.ม. ส่วนชั้น 23-34 เป็นส่วนของโรงแรม ดิ โอกูระ เพรสทีจ แบงค็อก จำนวน240ห้อง
นายชาติ จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการโครงการเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ของกลุ่มบริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอปอร์เลชั่น จำกัด กล่าวว่า “เพลินจิต ซิตี้” ถูกวางคอนเซ็ปต์ร่วมกันของทั้ง5บริษัท ให้เป็นศูนย์เศรษฐกิจระดับพรีเมี่ยม แห่งใหม่ของกทม. ซึ่งในอนาคตจะกลายเป็นแหล่งดึงดูดให้เกิดการลงทุน จากกลุ่มธุรกิจต่างๆ ที่ครบวงจร และมีความหลากหลาย ซึ่งเป็นการเปิดประตูเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนรองรับกับการเปิดตัวของประชาคมเศรษฐกิจอาเซี่ยน”นายชาติ จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการโครงการเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ของกลุ่มบริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอปอร์เลชั่น จำกัด
โดยในเบื้องต้น กลุ่มธุรกิจ ทั้ง5 บริษัท ได้วางแผนพัฒนาโครงสร้างสาธารณบนถนนเพลินจิตร่วมกัน ซึ่งในส่วนของ เซ็นทรัลรีเทลฯ ได้มีการก่อสร้างโครงการเซ็นทรีล เอ็มบาสซี ให้เป็นศูนย์การค้าและโรงแรมระดับพรีเมี่ยม รองรับนักท่องเที่ยวและนักช้อปปิ้งชาวไทยและต่างชาติ เป็นอาคาร37ชั้น บนเนื้อที่9ไร่ โดยแบ่งออกเป็นศูนย์การค้า8ชั้น 30ชั้นจะพัฒนาเป็นสวนลอยฟ้าและโรงแรม พาร์ค ไฮแอท มูลค่าลงทุนกว่า10,000ล้านบาทซึ่งจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2556
“นอกจาก 5พันธมิตรหลักที่มีการลงทุนพัฒนาโครงการทั้ง5โครงการดังกล่าวข้างต้นวึ่งมีมูลค่ากว่า 50,000 ล้านบาทแล้ว ขณะนี้ยังมีธุรกิจอื่นๆแสดงความสนใจเข้าร่วมโครงการอีกหลายรายซึ่งทางกลุ่มไม่ได้ปิดกั้นและยินดีต้อนรับในการเข้าร่วมโครงการ โดยขณะนี้พบว่ามีอีกกว่า14 โครงการใหม่ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ในพื้นที่คิดเป็นมูลค่ากว่า 100,000ล้านบาท”
นายแดน ฮาร์โซน ประธานคณะเจ้าหน้าที่ ด้านการตลาดองค์กร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในเบื้องต้นนี้ กรุงศรีฯ จะมีการนำร่องการปรับภาพลักษณ์ภูมิทัศน์ในพื้นที่ของสำนักงานใหญ่และพื้นที่เชื่อมต่อให้มีความทันสมัย ง่ายต่อการจดจำ เพื่อให้เป็นศูนย์กลางธุรกิจทางการเงินการธนาคาร รองรับการขยายตัวของประชากรที่พักอาศัยที่จะเติบโตในอนาคต ซึ่งคาดว่าจะใช้งบประมาณงานการดำเนินการกว่า 200ล้านบาท
ด้านนางสาวณพาภรณ์ โพธิรัตนังกูร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ นายเลิศกรุ๊ป กล่าวว่า นอกจากนายเลิศกรุ๊ป จะมีการพัฒนาทางทาวน์เชื่อมต่อ และวางแลนด์สเคป ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกับกลุ่มพันธมิรแล้ว จะมีการเปิดบ้านไม้สัก อายุ 100 ปี และบริเวณสวนให้ประชาชนเข้าชมได้ด้วย