สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือฯ เชื่อการเปิด “เออีซี” ดันมูลค่าส่งออกสูงกว่า 1 ล้านล้าน เพิ่มศักยภาพไทยสามารถแสวงหาวัตถุดิบได้จากประเทศเพื่อนบ้าน ขณะที่หน่วยงานคลังถกกรมศุลฯ พร้อมอีก 40 หน่วยงาน จัดระบบนำเข้า-ส่งออกสินค้า
นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ลงนามบันทึกข้อความร่วมมือกับผู้บริหารสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องการใช้ประโยชน์จากข้อตกลงทางการค้าต่างๆ รวมทั้งความตกลงประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี
ทั้งนี้ ผลการศึกษาพบว่าไทยจะได้ประโยชน์เป็นอันดับ 2 รองจากเวียดนาม โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ไทยมีความได้เปรียบสูงสุด ได้แก่ หมวดอาหาร ยานยนต์และชิ้นส่วน สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม และเฟอร์นิเจอร์ ขณะที่กระทรวงพาณิชย์กำหนดเป้าหมายเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างไทยกับอาเซียน จากกว่าร้อยละ 20 เป็นร้อยละ 30 ภายในปี 2558
นายไพบูลย์ พลสุวรรณา ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย กล่าวมั่นใจว่า เป็นโอกาสที่สินค้าไทยจะสามารถเจาะตลาดชนชั้นกลางในอาเซียน และสามารถแสวงหาวัตถุดิบได้จากประเทศเพื่อนบ้าน โดยเชื่อว่าหลังจากการเข้าสู่เออีซีแล้ว การส่งออกของไทยโดยเฉพาะในหมวดอาหารจะมีมูลค่าสูงเกินกว่า 1 ล้านล้านบาท อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีควรต้องเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพในการแข่งขันด้วย
ขณะเดียวกัน เมื่อเช้าวันนี้ นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้ประชุมร่วมกับผู้บริหารกรมศุลกากรเกี่ยวกับการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งว่าด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลสำหรับนำเข้า-ส่งออกด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ระหว่างกรมศุลกากรกับ 40 หน่วยงานภาครัฐและเอกชน
ทั้งนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกในการนำเข้าและส่งออกสินค้า และเชื่อมโยงข้อมูลนำไปสู่การบริการแบบเบ็ดเสร็จ ลดขั้นตอนการทำงานระหว่างหน่วยงานรัฐกับเอกชนที่เกี่ยวข้อง โดยการเชื่อมโยงกับ 40 หน่วยงาน เช่น กรมโรงงานอุตสาหกรรม องค์การอาหารและยา หอการค้าไทย และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในปีนี้
