กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศร่วมลงนามในบันทึกความร่วมมือกับสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารให้ผู้ประกอบการพัฒนาและปรับตัวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน พร้อมจัดสัมมนาเตรียมความพร้อมผู้ส่งออกสู่ AEC และการใช้สิทธิประโยชน์จาก FTAs
นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศกำหนดลงนามบันทึกความร่วมมือกับสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย ในวันที่ 20 เมษายน 2555 ณ โรงแรมแกรนด์ เมอร์เคียว ฟอร์จูน กรุงเทพฯ เพื่อร่วมมือกันให้ความรู้และสร้างความเข้าใจแก่ผู้ประกอบการส่งออกและสมาชิกสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย ให้สามารถปรับตัวรองรับผลกระทบและสามารถใช้โอกาสจากการเปิดเสรีภายใต้ความตกลงอาเซียน และความตกลงอื่นๆ ให้เกิดประโยชน์แก่เศรษฐกิจและสังคมของชาติอย่างเป็นรูปธรรม
การลงนามบันทึกความร่วมมือครั้งนี้ เป็นการร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและเชื่อมโยงเว็บไซต์ระหว่างกัน เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการสามารถใช้ประโยชน์ภายใต้ความตกลงของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และความตกลงการค้าเสรีต่างๆ รวมถึงประชาสัมพันธ์เผยแพร่การสัมมนา ฝึกอบรม และกิจกรรมต่างๆ ที่จะดำเนินการในอนาคต
นอกจากนี้ยังมีการจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “การเตรียมความพร้อมผู้ส่งออกสู่ AEC และสิทธิประโยชน์จาก FTA ที่ต้องรู้” การอภิปรายหัวข้อ “พันธกรณี/สิทธิประโยชน์/กฎระเบียบการค้าอุตสาหกรรมอาหาร ภายใต้ AEC และ FTAs” รวมถึงการเสวนา “Best Practice ในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร” ให้แก่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมภาคการผลิตและการส่งออกจาก 4 สาขาอุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์และผลิตผลทางการเกษตร อาหารสำเร็จรูป อาหารแช่เยือกแข็ง กลุ่มอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม กลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์และชิ้นส่วนอะไหล่ยนต์ และกลุ่มเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน ซึ่งเป็นการสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการได้แลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็น และประสบการณ์ มีทักษะในการวิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยงวิกฤตและโอกาส ทันต่อสถานการณ์ในสภาวะเศรษฐกิจโลกปัจจุบันได้
“ที่ผ่านมากรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศได้ประชาสัมพันธ์สร้างความตระหนักรู้ และกระตุ้นให้ภาคประชาชนและสังคมรับทราบความคืบหน้ามาโดยตลอด นอกจากนี้ กรมฯ ยังได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้กับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนของไทย อีกทั้งยังสร้างเครือข่ายในการติดตามความเคลื่อนไหวด้านการค้า การลงทุน และการดำเนินงานทางวิชาการให้มีศักยภาพมากขึ้น” นางศรีรัตน์กล่าว
นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศกำหนดลงนามบันทึกความร่วมมือกับสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย ในวันที่ 20 เมษายน 2555 ณ โรงแรมแกรนด์ เมอร์เคียว ฟอร์จูน กรุงเทพฯ เพื่อร่วมมือกันให้ความรู้และสร้างความเข้าใจแก่ผู้ประกอบการส่งออกและสมาชิกสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย ให้สามารถปรับตัวรองรับผลกระทบและสามารถใช้โอกาสจากการเปิดเสรีภายใต้ความตกลงอาเซียน และความตกลงอื่นๆ ให้เกิดประโยชน์แก่เศรษฐกิจและสังคมของชาติอย่างเป็นรูปธรรม
การลงนามบันทึกความร่วมมือครั้งนี้ เป็นการร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและเชื่อมโยงเว็บไซต์ระหว่างกัน เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการสามารถใช้ประโยชน์ภายใต้ความตกลงของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และความตกลงการค้าเสรีต่างๆ รวมถึงประชาสัมพันธ์เผยแพร่การสัมมนา ฝึกอบรม และกิจกรรมต่างๆ ที่จะดำเนินการในอนาคต
นอกจากนี้ยังมีการจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “การเตรียมความพร้อมผู้ส่งออกสู่ AEC และสิทธิประโยชน์จาก FTA ที่ต้องรู้” การอภิปรายหัวข้อ “พันธกรณี/สิทธิประโยชน์/กฎระเบียบการค้าอุตสาหกรรมอาหาร ภายใต้ AEC และ FTAs” รวมถึงการเสวนา “Best Practice ในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร” ให้แก่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมภาคการผลิตและการส่งออกจาก 4 สาขาอุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์และผลิตผลทางการเกษตร อาหารสำเร็จรูป อาหารแช่เยือกแข็ง กลุ่มอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม กลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์และชิ้นส่วนอะไหล่ยนต์ และกลุ่มเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน ซึ่งเป็นการสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการได้แลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็น และประสบการณ์ มีทักษะในการวิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยงวิกฤตและโอกาส ทันต่อสถานการณ์ในสภาวะเศรษฐกิจโลกปัจจุบันได้
“ที่ผ่านมากรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศได้ประชาสัมพันธ์สร้างความตระหนักรู้ และกระตุ้นให้ภาคประชาชนและสังคมรับทราบความคืบหน้ามาโดยตลอด นอกจากนี้ กรมฯ ยังได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้กับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนของไทย อีกทั้งยังสร้างเครือข่ายในการติดตามความเคลื่อนไหวด้านการค้า การลงทุน และการดำเนินงานทางวิชาการให้มีศักยภาพมากขึ้น” นางศรีรัตน์กล่าว
