วันนี้ (19 เม.ย.) การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงการให้ความร่วมมือในการกู้ภัยกรณีเกิดเหตุวิกฤต การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เพื่อร่วมมือกันสนับสนุนทั้งอุปกรณ์ เครื่องมือ บุคลากร ระบบเครือข่ายสื่อสารในการปฏิบัติงานกู้ภัยหรือเหตุวิกฤตบนทางด่วนขั้นที่ 1 และพื้นที่ใกล้เคียง
โดยนายอัยยณัฐ ถินอภัย ผู้ว่าการ กทพ. เปิดเผยว่า ข้อตกลงความร่วมมือของทั้ง 2 หน่วยงานจะเป็นการบูรณาการการทำงานร่วมกัน มีการสนับสนุน ซึ่งจะช่วยลดความซ้ำซ้อนในด้านอุปกรณ์เครื่องมือที่จำเป็นในการกู้ภัย เป็นการนำทรัพยากรของหน่วยงานที่มีมาใช้ประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม โดยในอนาคต กทพ.จะทำความร่วมมือกับหน่วยงานอื่นต่อไป
จึงนับเป็นเรื่องที่ดีที่หน่วยงานรัฐได้ร่วมมือกัน ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบต่อสังคม ชุมชน เศรษฐกิจ และการจราจรขนส่งในกรณีเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง โดยนอกจากการทำงานร่วมกันแล้ว การทางพิเศษฯ จะมีโอกาสส่งบุคลากรเข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรการผจญเพลิงจากการท่าเรือฯ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายอีกด้วย
“การทางพิเศษฯ มีเครื่องมือทั้งรถยก รถกระเช้า ส่วนการท่าเรือฯ นอกจากมีเครื่องมือแล้วยังมีบุคลากรที่ชำนาญและประสิทธิภาพในการจัดการกรณีรถบรรทุกสารเคมีเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งสถิติการเกิดอุบัติเหตุของรถบรรทุกน้ำมันหรือสารเคมีบนทางด่วนในปัจจุบันถือว่ามีน้อยมาก โดยปี 2554 ไม่มีเหตุเกิดขึ้นเลย ทั้งนี้ เนื่องจากมีกฎหมายห้ามรถบรรทุกสารเคมีขึ้นทางด่วน หรือต้องได้รับการอนุญาตก่อนเท่านั้น” นายอัยยณัฐกล่าว
นายเฉลิมเกียรติ สลักคำ รักษาการผู้อำนวยการ กทท.กล่าวว่า การท่าเรือฯ มีความพร้อมของเครื่องมือ และเจ้าหน้าที่ได้รับการฝึกอบรมจึงมีประสบการณ์และความพร้อมในการดับเพลิง โดยเฉพาะที่เกิดจากสารเคมี จึงมีความพร้อมในการเข้าเผชิญเหตุได้ทันที โดยทั้ง 2 หน่วยงานจะกำหนดขั้นตอนการทำงานร่วมกัน โดยปัจจุบันรถบรรทุกน้ำมันหรือสารเคมีที่ออกจากท่าเรือใช้ทางด่วนเป็นเส้นทางขนส่งเพราะมีจุดขึ้นลงสะดวก ดังนั้น กรณีเกิดเหตุบนทางด่วนจะสามารถเคลื่อนย้ายเครื่องมือและเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะช่วยลดความสูญเสียลงได้