กคช.เชื่อเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนมีผลกระทบทั้งด้านลบและบวก พร้อมเดินหน้าเพิ่มประสิทธิภาพบุคลากร กำหนดยุทธศาสตร์สอดรับแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ รับการเปลี่ยนแปลง
นายชวนินทร์ พรหมรัตนพงษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและการขาย การเคหะแห่งชาติ (กคช.) กล่าวถึงผลกระทบจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 ว่ามีผลกระทบต่อวงการธุรกิจก่อสร้างพอสมควร ซึ่ง กคช.เป็นอีกหนึ่งหน่วยงานในธุรกิจก่อสร้างซึ่งน่าจะได้รับผลในด้านดีทางอ้อม เช่น การนำเข้าเทคโนโลยีการก่อสร้างใหม่ๆ เพื่อใช้ในการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ และด้านแรงงานต่างชาติจะเข้ามาในไทยมากขึ้น ปัญหาการขาดแคลนแรงงานจะหมดไป และมีการประมูลงานที่ถูก และต้นทุนต่ำก็น่าจะส่งผลดีต่อคอร์สการก่อสร้างของการเคหะฯ ได้ด้วย
ทั้งนี้ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติได้กล่าวในงานสัมมนา “การเคหะแห่งชาติกับการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน” ว่า ไทยจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 และอาจต้องการความชัดเจนว่าทำไมต้องมีประชาคมอาเซียน ไทยจะได้รับประโยชน์อะไร และการเคหะฯ จะต้องเข้าไปมีบทบาท หรือได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง ซึ่งแน่นอนว่าการรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียนจะเกิดผลกระทบทั้งทางด้านบวก และด้านลบต่อสังคมและเศรษฐกิจของประเทศไทย
ดังนั้น การเคหะแห่งชาติในฐานะหน่วยงานภาครัฐ จึงให้ความสำคัญต่อการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ซึ่งสิ่งแรกที่ กคช.ต้องทำคือ ในแผนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 พ.ศ. 2555-2559 ได้กำหนดยุทธศาสตร์และสร้างความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ซึ่งกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จะมีความสำคัญในการขับเคลื่อนเสาหลักในด้านประชาคม สังคม และวัฒนธรรม
นอกจากนี้ ยังมีปัญหาที่ท้าทายต่อการดำเนินงานขององค์กรและเป็นผลกระทบจากการเคลื่อนย้ายแรงงานที่อาจก่อให้เกิดปัญหาในการพัฒนาที่อยู่อาศัย หรือผลกระทบที่มีการเปิดเสรีด้านการค้าที่จะยกเลิกข้อจำกัดการให้บริการข้ามพรมแดนเกิดการกำหนดมาตรการการใช้แรงงานวิชาชีพ ซึ่งรวมถึงวิชาชีพก่อสร้างแรงงานด้านวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ทั้งนี้ แม้ปัจจัยดังกล่าวจะมีผลกระทบในด้านบวกหลายประการ แต่เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมตั้งรับปัญหา หรือผลกระทบทางด้านลบด้วย การเคหะฯ ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการพัฒนาที่อยู่อาศัยจึงเริ่มลงมือเตรียมความพร้อมให้ผู้ปฏิบัติงานได้ตระหนักรู้ ทบทวนความรู้ความสามารถที่มีอยู่ของตนเองเพื่อซ่อมเสริมในสิ่งที่ขาด โดยมีความประสงค์ที่จะปรับตัวและภารกิจขององค์กรให้บูรณาการเข้ากับการเปิดประชาคมอาเซียน
นายชวนินทร์ พรหมรัตนพงษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและการขาย การเคหะแห่งชาติ (กคช.) กล่าวถึงผลกระทบจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 ว่ามีผลกระทบต่อวงการธุรกิจก่อสร้างพอสมควร ซึ่ง กคช.เป็นอีกหนึ่งหน่วยงานในธุรกิจก่อสร้างซึ่งน่าจะได้รับผลในด้านดีทางอ้อม เช่น การนำเข้าเทคโนโลยีการก่อสร้างใหม่ๆ เพื่อใช้ในการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ และด้านแรงงานต่างชาติจะเข้ามาในไทยมากขึ้น ปัญหาการขาดแคลนแรงงานจะหมดไป และมีการประมูลงานที่ถูก และต้นทุนต่ำก็น่าจะส่งผลดีต่อคอร์สการก่อสร้างของการเคหะฯ ได้ด้วย
ทั้งนี้ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติได้กล่าวในงานสัมมนา “การเคหะแห่งชาติกับการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน” ว่า ไทยจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 และอาจต้องการความชัดเจนว่าทำไมต้องมีประชาคมอาเซียน ไทยจะได้รับประโยชน์อะไร และการเคหะฯ จะต้องเข้าไปมีบทบาท หรือได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง ซึ่งแน่นอนว่าการรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียนจะเกิดผลกระทบทั้งทางด้านบวก และด้านลบต่อสังคมและเศรษฐกิจของประเทศไทย
ดังนั้น การเคหะแห่งชาติในฐานะหน่วยงานภาครัฐ จึงให้ความสำคัญต่อการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ซึ่งสิ่งแรกที่ กคช.ต้องทำคือ ในแผนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 พ.ศ. 2555-2559 ได้กำหนดยุทธศาสตร์และสร้างความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ซึ่งกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จะมีความสำคัญในการขับเคลื่อนเสาหลักในด้านประชาคม สังคม และวัฒนธรรม
นอกจากนี้ ยังมีปัญหาที่ท้าทายต่อการดำเนินงานขององค์กรและเป็นผลกระทบจากการเคลื่อนย้ายแรงงานที่อาจก่อให้เกิดปัญหาในการพัฒนาที่อยู่อาศัย หรือผลกระทบที่มีการเปิดเสรีด้านการค้าที่จะยกเลิกข้อจำกัดการให้บริการข้ามพรมแดนเกิดการกำหนดมาตรการการใช้แรงงานวิชาชีพ ซึ่งรวมถึงวิชาชีพก่อสร้างแรงงานด้านวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
ทั้งนี้ แม้ปัจจัยดังกล่าวจะมีผลกระทบในด้านบวกหลายประการ แต่เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมตั้งรับปัญหา หรือผลกระทบทางด้านลบด้วย การเคหะฯ ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการพัฒนาที่อยู่อาศัยจึงเริ่มลงมือเตรียมความพร้อมให้ผู้ปฏิบัติงานได้ตระหนักรู้ ทบทวนความรู้ความสามารถที่มีอยู่ของตนเองเพื่อซ่อมเสริมในสิ่งที่ขาด โดยมีความประสงค์ที่จะปรับตัวและภารกิจขององค์กรให้บูรณาการเข้ากับการเปิดประชาคมอาเซียน