นายอลัน ทอมสัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซี อาร์ ซี สปอร์ต จำกัด ในเครือเซ็นทรัล ผู้ดำเนินธุรกิจร้านซูเปอร์สปอร์ต เปิดเผยว่า ตลาดรวมร้านจำหน่ายอุปกรณ์กีฬาปัจจุบันมีการเติบโตที่ดีประมาณ 8% และเติบโตต่อเนื่อง และคาดว่า ในปีนี้จะเติบโตมาก เนื่องจากมีโปรแกรมการแข่งขันกีฬาใหญ่ 2 ทัวร์นาเมนต์ คือ ฟุตบอลยูโรช่วงกลางปี และโอลิมปิกช่วงปลายปี ส่งผลให้บริษัทวางแผนรุกตลาดเต็มที่
โดยยังคงเน้นการเป็นผู้สนับสนุนการแข่งขันกีฬาต่างๆ และกิจกรรมที่เกี่ยวกับกีฬาต่อเนื่อง ด้วยงบการตลาดปีนี้ 70 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วที่ใช้ 60 ล้านบาท เน้นอะโบฟเดอะไลน์ 60% และบีโลว์เดอะไลน์ 40% ผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก คือ 1.มุ่งเน้นกิจกรรมส่งเสริมการขาย เช่น แคมเปญ รีไซเคิลยัววชูส์ หรือซอกเกอร์ซีซัน 2.มุ่งเน้นพาร์ทเนอร์ชิป จัดกิจกรรมกับคู่ค้าเน้นความเป็นเอ็กซ์คลูซีฟ 3.มุ่งเน้นกิจกรรมเพื่อสร้างแบรนดิ้ง ผ่าน 4 ประเภทกีฬาหลัก คือ เทนนิส กอล์ฟ วิ่ง ฟุตบอล กับฟุตซอล
ในส่วนของฟุตบอลและฟุตซอลนั้น จะมีทั้งไทยพรีเมียร์ลีก อิงลิชพรีเมียร์ลีก ฟุตซอลเวิลด์คัพ โอลิมปิกเกมส์ และ ฟุตบอลยูโร ซึ่งเตรียมจัดกิจกรรมไว้หลากหลาย มีไฮไลต์ คือ ซูเปอร์สปอร์ตได้รับสิทธิ์ให้นำเสื้อทีมชาติอังกฤษที่มีลายเซ็นนักเตะครบทีมจำนวน 2 ตัวเท่านั้นในประเทศไทย มาโชว์ที่ร้านซูเปอร์สปอร์ตสาขาเซ็นทรัลเวิลด์ และ ลาดพร้าว และมีเสื้อจำหน่ายด้วยตามสาขาที่กำหนดไว้
นอกจากนั้น ในส่วนของไทยพรีเมียร์ลีก ทางซูเปอร์สปอร์ต ยังเป็นร้านที่จำหน่ายชุดทีมสโมสร ได้แก่ บุรีรัมย์ยูไนเต็ด, ชลบุรีเอฟซี, เอสซีจีเมืองทองยูไนเต็ด, บางกอกกลาสเอฟซี, พัทยายูไนเต็ด, โอสถสภาเอ็ม 150 สระบุรีเอฟซี, สโมสรฟุตบอลการท่าเรือไทย และ บีอีซีเทโรศาสน อีกทั้งยังเป็นร้านเดียวที่ได้รับสิทธิ์ในการสกรีนชื่อบนเสื้อและรองเท้า ฟุตบอลด้วย
อย่างไรก็ตาม การเติบโตยังมาจากการเพิ่มยอดขายในสาขา การขยายฐานลูกค้าใหม่ การเพิ่มค่าใช้จ่ายของลูกค้า การเปิดตัวสินค้าใหม่ที่มีความเป็นแฟชั่นมากขึ้น และการเปิดสาขาใหม่ และเปิดตัวธุรกิจใหม่ ด้วยงบประมาณลงทุนรวม 160 ล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายรายได้รวมไว้ภายใน 3 ปีจากนี้หรือปี 2558 จะมีรายได้ 8,000 ล้านบาท ด้วยงบลงทุนเฉลี่ยปีละ 100 ล้านบาท และงบตลาดรวม 4 ปี 300ล้านบาท
โดยปีนี้เตรียมเปิดสาขาใหม่ของซูเปอร์สปอร์ต 5 สาขา ร้านฟิตสปอร์ต 10 สาขา ซึ่งจำหน่ายรองเท้ากีฬาไลฟ์สไตล์ เจาะกลุ่มนักเรียนนักศึกษา (ปีที่แล้วร้านฟิตสปอร์ตมี 12 สาขา รายได้ 138 ล้านบาท, ปี 2554 คาด สาขา 22 แห่ง รายได้ 280 ล้านบาท และคาดว่า ในปี 2556 จะมี 30 สาขา รายได้ 390 ล้านบาท) เป็นต้น จากปัจจุบันมีสาขาในเครือรวมทั้งหมด 99 สาขา แบ่งเป็น ร้านซูเปอร์สปอร์ต 56 สาขา, ร้านซูเปอร์สปอร์ตเอาต์เลต 7 สาขา, ร้านฟิตสปอร์ต 12 สาขา, ร้านครอคส์ 20 สาขา, ร้านนิวบาลานซ์ 2 สาขา และร้านสเกทเชอร์ 2 สาขา ส่วนธุรกิจใหม่เปิดปีนี้เป็นทางการ คือ คิสด์สปอร์ต เน้นจำหน่ายสินค้าอุปกรณ์กีฬาที่เกี่ยวกับเด็ก ช่วงอายุ 7-14 ปี ตั้งเป้ารายได้ส่วนนี้ไว้ที่ 150 ล้านบาท
สำหรับปี 2555 นี้ ซูเปอร์สปอร์ตตั้งเป้าหมายรายได้รวมไว้ประมาณ 5,500 ล้านบาท เติบโต 21% จากปีที่แล้วที่มีรายได้ 4,500 ล้านบาท เติบโต 12% และตั้งเป้าหมายในปี 2558 จะมีรายได้รวม 8,000 กว่าล้านบาท ซึ่งปีที่แล้วเติบโตดีมากกว่าตลาดรวมที่เติบโต 10% ขณะที่ตลาดรวมร้านอุปกรณ์กีฬาทั้งหมดมีมูลค่า 15,000 ล้านบาท ซึ่งซูเปอร์สปอร์ตมีแชร์ 30%
โดยยังคงเน้นการเป็นผู้สนับสนุนการแข่งขันกีฬาต่างๆ และกิจกรรมที่เกี่ยวกับกีฬาต่อเนื่อง ด้วยงบการตลาดปีนี้ 70 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วที่ใช้ 60 ล้านบาท เน้นอะโบฟเดอะไลน์ 60% และบีโลว์เดอะไลน์ 40% ผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก คือ 1.มุ่งเน้นกิจกรรมส่งเสริมการขาย เช่น แคมเปญ รีไซเคิลยัววชูส์ หรือซอกเกอร์ซีซัน 2.มุ่งเน้นพาร์ทเนอร์ชิป จัดกิจกรรมกับคู่ค้าเน้นความเป็นเอ็กซ์คลูซีฟ 3.มุ่งเน้นกิจกรรมเพื่อสร้างแบรนดิ้ง ผ่าน 4 ประเภทกีฬาหลัก คือ เทนนิส กอล์ฟ วิ่ง ฟุตบอล กับฟุตซอล
ในส่วนของฟุตบอลและฟุตซอลนั้น จะมีทั้งไทยพรีเมียร์ลีก อิงลิชพรีเมียร์ลีก ฟุตซอลเวิลด์คัพ โอลิมปิกเกมส์ และ ฟุตบอลยูโร ซึ่งเตรียมจัดกิจกรรมไว้หลากหลาย มีไฮไลต์ คือ ซูเปอร์สปอร์ตได้รับสิทธิ์ให้นำเสื้อทีมชาติอังกฤษที่มีลายเซ็นนักเตะครบทีมจำนวน 2 ตัวเท่านั้นในประเทศไทย มาโชว์ที่ร้านซูเปอร์สปอร์ตสาขาเซ็นทรัลเวิลด์ และ ลาดพร้าว และมีเสื้อจำหน่ายด้วยตามสาขาที่กำหนดไว้
นอกจากนั้น ในส่วนของไทยพรีเมียร์ลีก ทางซูเปอร์สปอร์ต ยังเป็นร้านที่จำหน่ายชุดทีมสโมสร ได้แก่ บุรีรัมย์ยูไนเต็ด, ชลบุรีเอฟซี, เอสซีจีเมืองทองยูไนเต็ด, บางกอกกลาสเอฟซี, พัทยายูไนเต็ด, โอสถสภาเอ็ม 150 สระบุรีเอฟซี, สโมสรฟุตบอลการท่าเรือไทย และ บีอีซีเทโรศาสน อีกทั้งยังเป็นร้านเดียวที่ได้รับสิทธิ์ในการสกรีนชื่อบนเสื้อและรองเท้า ฟุตบอลด้วย
อย่างไรก็ตาม การเติบโตยังมาจากการเพิ่มยอดขายในสาขา การขยายฐานลูกค้าใหม่ การเพิ่มค่าใช้จ่ายของลูกค้า การเปิดตัวสินค้าใหม่ที่มีความเป็นแฟชั่นมากขึ้น และการเปิดสาขาใหม่ และเปิดตัวธุรกิจใหม่ ด้วยงบประมาณลงทุนรวม 160 ล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายรายได้รวมไว้ภายใน 3 ปีจากนี้หรือปี 2558 จะมีรายได้ 8,000 ล้านบาท ด้วยงบลงทุนเฉลี่ยปีละ 100 ล้านบาท และงบตลาดรวม 4 ปี 300ล้านบาท
โดยปีนี้เตรียมเปิดสาขาใหม่ของซูเปอร์สปอร์ต 5 สาขา ร้านฟิตสปอร์ต 10 สาขา ซึ่งจำหน่ายรองเท้ากีฬาไลฟ์สไตล์ เจาะกลุ่มนักเรียนนักศึกษา (ปีที่แล้วร้านฟิตสปอร์ตมี 12 สาขา รายได้ 138 ล้านบาท, ปี 2554 คาด สาขา 22 แห่ง รายได้ 280 ล้านบาท และคาดว่า ในปี 2556 จะมี 30 สาขา รายได้ 390 ล้านบาท) เป็นต้น จากปัจจุบันมีสาขาในเครือรวมทั้งหมด 99 สาขา แบ่งเป็น ร้านซูเปอร์สปอร์ต 56 สาขา, ร้านซูเปอร์สปอร์ตเอาต์เลต 7 สาขา, ร้านฟิตสปอร์ต 12 สาขา, ร้านครอคส์ 20 สาขา, ร้านนิวบาลานซ์ 2 สาขา และร้านสเกทเชอร์ 2 สาขา ส่วนธุรกิจใหม่เปิดปีนี้เป็นทางการ คือ คิสด์สปอร์ต เน้นจำหน่ายสินค้าอุปกรณ์กีฬาที่เกี่ยวกับเด็ก ช่วงอายุ 7-14 ปี ตั้งเป้ารายได้ส่วนนี้ไว้ที่ 150 ล้านบาท
สำหรับปี 2555 นี้ ซูเปอร์สปอร์ตตั้งเป้าหมายรายได้รวมไว้ประมาณ 5,500 ล้านบาท เติบโต 21% จากปีที่แล้วที่มีรายได้ 4,500 ล้านบาท เติบโต 12% และตั้งเป้าหมายในปี 2558 จะมีรายได้รวม 8,000 กว่าล้านบาท ซึ่งปีที่แล้วเติบโตดีมากกว่าตลาดรวมที่เติบโต 10% ขณะที่ตลาดรวมร้านอุปกรณ์กีฬาทั้งหมดมีมูลค่า 15,000 ล้านบาท ซึ่งซูเปอร์สปอร์ตมีแชร์ 30%
