กกท. พร้อมพิจารณา "เทโรฯ" เช่าสนาม

"บิ๊กหนุ่ม" กนกพันธุ์ จุลเกษม ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ยอมรับถึงกรณีที่ บริษัท บีอีซีเทโร เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) ยื่นข้อเสนอ ต่อทาง การกีฬาแห่งประเทศไทย เพื่อขอเช่าและใช้สนามการกีฬาแห่งประเทศไทย สนาม1 เป็นสนามเหย้าของทีม "มังกรไฟ" บีอีซี เทโรศาสน ว่าติดต่อมาจริง แต่ยังไม่ตกลง ต้องรอพิจารณาถึงประโยชน์ที่จะได้รับสูงสุดก่อน พร้อมเตรียมวิธีรับมือกับผลกระทบไว้แล้ว

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 16 กุมภาพันธ์ 2555 ณ ห้องประชุมคณะกรรมาธิการ หมายเลข 309 อาคารรัฐสภา 2 ได้มีการจัดประชุมคณะกรรมาธิการการกีฬา วุฒิสภา นำโดย นางนฤมล ศิริวัฒน์ เป็นประธาน โดยมีระเบียบวาระการประชุมที่สำคัญคือ การพิจารณาเรื่องร้องเรียนกรณีที่การกีฬาแห่งประเทศไทย ได้ทำสัญญาอนุญาติให้บริษัท บีอีซีเทโร เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) เช่าและใช้สนามการกีฬาแห่งประเทศไทย สนาม1 (สนามลู่วิ่ง) เป็นสนามเหย้าของสโมสรฟุตบอลบีอีซี เทโรศาสน โดยรับฟังคำชี้แจงจาก นายกนกพันธุ์ จุลเกษม ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย

หลังจากที่ นายสายันต์ พรรณรังษี ประธานชมรมวิ่งเพื่อสุขภาพราชมังคลากีฬาสถาน ได้ยื่นเรื่องต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการการกีฬา วุฒิสภา เพื่อให้ตรวจสอบกรณี การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ทำสัญญาบันทึกข้อตกลงให้ บ. บีอีซีเทโร เอ็นเตอร์เทนเมนท์ฯ เช่าและใช้สนาม กกท. สนาม 1 เพื่อเป็นสนามเหย้าของทีม "มังกรไฟ" บีอีซี เทโรศาสน ทั้งที่บริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่สาธารณะที่ประชาชนทั่วไปใช้ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ โดยการกระทำดังกล่าวอาจมีการหวังผลประโยชน์แอบแฝง

ล่าสุด "บิ๊กหนุ่ม" กนกพันธุ์ จุลเกษม ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ได้ชี้แจงต่อที่ประชุมถึงกรณีดังกล่าวว่า "ตอนนี้ทางกกท.ยังไม่ได้มีการพิจารณาใดๆ แต่ยอมรับว่าทาง บ. บีอีซีเทโร เอ็นเตอร์เทนเมนท์ฯ ได้ยื่นเรื่องเข้ามาจริง เป็นระยะเวลาสัญญา 20 ปี โดยมีงบขั้นแรก 40 ล้านบาท แต่ทางกกท.ยังไม่ได้ตอบตกลงใดๆทั้งสิ้น เพราะต้องพิจารณาถึงประโยชน์สูงสุดที่ประเทศชาติจะได้รับเสียก่อน ก่อนที่จะตกลงทำสัญญา"

"สำหรับวิสัยทัศน์ของตนเองนั้น มีความเห็นด้วยว่าควรที่จะทำ เพราะถือว่าเป็นการพัฒนาวงการกีฬาอย่างหนึ่ง และจะนำประโยชน์มาให้กับประเทศชาติแน่นอน เพียงแต่ตอนนี้ต้องรอข้อเสนอที่ดีที่สุดเสียก่อน เพราะสนาม 1 นั้น เป็นสนามเก่า ขาดงบประมาณในการดูแลเท่าที่ควร ถ้าได้บริษัทเอกชนเข้ามาเช่า ก็จะถือเป็นการปรับปรุงภายในตัว ส่วนกรณีที่ชาวบ้านบริเวณใกล้เคียงทำการต่อต้านนั้น ถ้าเกิดมีการให้เช่าพื้นที่จิง ทาง กกท. ก็ได้เตรียมวิธีรับมือเบื้องต้นไว้แล้วถึง 4 วิธี คือ 1.ทำลู่วิ่งรอบสวนสุขภาพ 2.จัดทำพื้นที่สีเขียวไว้สำหรับออกกำลังกาย 3.ทำทางวิ่งขึ้นมาใหม่ และ4.ทำลู่วิ่งรอบนอกสนามใหม่ที่จะสร้างขึ้น" "บิ๊กหนุ่ม" ร่ายยาว

ผู้ว่ากกท.ยังกล่าวต่อไปอีกว่า "ในกรณีที่ระบุว่าอาจมีผลประโยชน์แอบแฝงนั้น ผมขอรับรองด้วยเกียรติของผู้ว่ากกท.5 สมัย ในการที่จะใช้ดุลยพินิจ พิจารณาถึงการกระทำต่างๆ และงบประมาณที่ได้รับนั้นจะทำอย่างเปิดเผยและสามารถตรวจสอบได้ตามกฎหมาย"

ภายหลังการประชุม "เจ๊มล" นางนฤมล ศิริวัฒน์ ประธานคณะกรรมาธิการการกีฬา วุฒิสภา ได้เผยถึงกรณีดังกล่าวว่า "ในส่วนตัวก็เห็นด้วยที่จะมีการให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนช่วยในการพัฒนาวงการกีฬา แต่ต้องมีความชัดเจนในเรื่องการทำสัญญาและจำนวนเงิน รวมถึงกรณีที่ระบุว่าอาจจะมีการย้ายไปใช้สนามราชมังคลาฯได้ เรื่องพวกนี้ต้องทำอย่างเปิดเผย และจะมีการพิจารณาตรวจสอบอีกครั้ง ขอให้ผู้ร้องเรียนคอยติดตามและช่วยมองในมุมกว้าง"