ASTVผู้จัดการรายวัน-“คมนาคม”เล็งประมูลวิธีพิเศษ งานปรับปรุงยกระดับถนนของทช.-ทล.เป็นคั้นกั้นน้ำ วงเงินกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท เร่งทันรับน้ำก.ย.นี้ “ชัชชาติ”เผยวิธีพิเศษเร็วแต่ราคากลางต้องชัดเจน มั่นใจไม่มีปัญหา ด้านทช.เร่งสำรวจออกแบบเสร็จในเม.ย.นี้เตรียมพร้อมเปิดประมูล
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่า การดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาอุทกภัยระยะเร่งด่วนปี 2555 ซึ่งจะมีการปรับปรุงถนนโดยยกระดับขึ้นเป็นแนวคันกั้นน้ำนั้น ขณะนี้กรมทางหลวงชนบท(ทช.) และกรมทางหลวงได้ดำเนินการสำรวจและออกแบบในแต่ละสายทางแล้ว โดยคาดว่าจะต้องใช้การประมูลวิธีพิเศษ เพื่อเร่งรัดการก่อสร้างซึ่งมีเป้าหมายว่าเบื้องต้นแนวคันกั้นน้ำจะต้องสามารถใช้ได้ทันก่อนที่จะน้ำจะมาในเดือนก.ย. 2555 ซึ่งวิธีพิเศษจะใช้เวลาประมูล 7 วัน ซึ่งค่อนข้างรวดเร็ว แต่หน่วยงานเจ้าของโครงการจะต้องกำหนดราคากลางที่เหมาะสมที่สุด ขณะที่ การประกวดราคาทางอิเลกทรอนิกส์ (e-Auction) นั้นจะใช้เวลาประมาณ 30 วัน
“การประมูลวิธีพิเศษจะทำให้การก่อสร้างเร็วที่สุด แต่ต้องมั่นใจราคากลาง ซึ่งการออกแบบเสร็จเกือบหมดแล้ว เตรียมสรุปเสนอ คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ที่มี นายปลอดประสพ สุรัสวดี เป็นประธาน เพื่อสรุปวิธีการประมูลอีกครั้ง”นายชัชชาติกล่าว
นายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน รองอธิบดีกรมทางหลวงชนบท กล่าวว่า ทช.ได้รับงบประมาณปรับปรุงแนวป้องกันอุทกภัยเบื้องต้น (ระยะเร่งด่วน) วงเงิน 7,568.486 ล้านบาทเพื่อปรับปรุงถนนเดิมยกระดับเป็นแนวคันกั้นน้ำ ซึ่งได้ลงพื้นที่สำรวจและออกแบบประมาณ 3 สัปดาห์แล้ว โดยการออกแบบจะแล้วเสร็จทั้งหมดเดือนเม.ย.เพื่อประกวดราคาและลงนามในสัญญาและลงมือดำเนินการภายในเดือนพ.ค.นี้ เนื่องจากเป้าหมายของกบอ.นั้น ต้องจัดทำคันกั้นน้ำหรือ กำแพงกั้นน้ำที่ป้องกันน้ำได้จริงทันเดือนก.ย.
โดยแนวคันกั้นน้ำที่อยู่ในความรับผิดชอบของทช.ประกอบด้วย 1.แนวคันกั้นน้ำฝั่งตะวันตกของคลองระพีพัฒน์ ตั้งแต่ปากคลอง ระพีพัฒน์ จนถึงชายทะเล วงเงิน 3,799.381 ล้านบาท 2. การย้ายแนวคันพระราชดำริไปที่คลองรังสิตประยูรศักดิ์ฝั่งใต้และคลองเจ็ด วงเงิน 238.05 ล้านบาท 3. แนวคันกั้นน้ำด้านแม่น้ำเจ้าพระยาริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก ตั้งแต่ปากคลองพระยาบรรลือ จนถึงปากแม่น้ำเจ้าพระยา วงเงิน 40 ล้านบาท 4. แนวคันกั้นน้ำด้านใต้ตามคลองพระยาบรรลือ วงเงิน 972.9 ล้านบาท 5. แนวคันกั้นน้ำด้านใต้ตามคลองพระพิมล วงเงิน 269.1ล้านบาท 6. แนวคันกั้นน้ำด้านใต้ตามคลองมหาสวัสดิ์ วงเงิน 983.25 ล้านบาท 7. แนวคันกั้นน้ำฝั่งตะวันออกริมแม่น้ำท่าจีน จากปลากคลองพระยาบรรลือด้านแม่น้ำท่าจีน ถึงปากแม่น้ำท่าจีนวงเงิน 1,265.805 ล้านบาท
ส่วนการดำเนินการฟื้นฟูถนนที่ได้รับความชำรุดเสียหายจากอุทกภัยให้กลับคืนสู่สภาพเดิม จานวน 532 สายทาง กรอบดาเนินการ 4,971,290,200 บาท นั้นนายพิศักดิ์กล่าวว่า ระยะเร่งด่วน 11 สาย วงเงิน 139.810 ล้านบาท อยู่ระหว่างดำเนินการโดยจะแล้วเสร็จภายในเดือนมิ.ย.2555 ส่วน ระยะที่ 2 อีก 521 โครงการ วงเงิน 4,832 ล้านบาท เปิดประมูลแบบ e-Auction ไปแล้ว 170โครงการที่เหลือจะดำเนินการประมูลครบภายในกลางเดือนเม.ย.โดยจะฟื้นฟูแล้วเสร็จในเดือนก.ย.
ด้านนายวันชัย ภาคลักษณ์ อธิบดีกรมทางหลวง กล่าวว่า ทล.ได้รับงบประมาณปรับปรุงแนวป้องกันอุทกภัยเบื้องต้น (ระยะเร่งด่วน) วงเงินประมาณ 4,000 ล้านบาท โดยได้สำรวจและออกแบบแล้วและจะเริ่มเปิดประมูลในเดือนเม.ย.และทยอยแล้วเสร็จในเดือนก.ย.ตามเป้าหมายของกบอ.
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่า การดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาอุทกภัยระยะเร่งด่วนปี 2555 ซึ่งจะมีการปรับปรุงถนนโดยยกระดับขึ้นเป็นแนวคันกั้นน้ำนั้น ขณะนี้กรมทางหลวงชนบท(ทช.) และกรมทางหลวงได้ดำเนินการสำรวจและออกแบบในแต่ละสายทางแล้ว โดยคาดว่าจะต้องใช้การประมูลวิธีพิเศษ เพื่อเร่งรัดการก่อสร้างซึ่งมีเป้าหมายว่าเบื้องต้นแนวคันกั้นน้ำจะต้องสามารถใช้ได้ทันก่อนที่จะน้ำจะมาในเดือนก.ย. 2555 ซึ่งวิธีพิเศษจะใช้เวลาประมูล 7 วัน ซึ่งค่อนข้างรวดเร็ว แต่หน่วยงานเจ้าของโครงการจะต้องกำหนดราคากลางที่เหมาะสมที่สุด ขณะที่ การประกวดราคาทางอิเลกทรอนิกส์ (e-Auction) นั้นจะใช้เวลาประมาณ 30 วัน
“การประมูลวิธีพิเศษจะทำให้การก่อสร้างเร็วที่สุด แต่ต้องมั่นใจราคากลาง ซึ่งการออกแบบเสร็จเกือบหมดแล้ว เตรียมสรุปเสนอ คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ที่มี นายปลอดประสพ สุรัสวดี เป็นประธาน เพื่อสรุปวิธีการประมูลอีกครั้ง”นายชัชชาติกล่าว
นายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน รองอธิบดีกรมทางหลวงชนบท กล่าวว่า ทช.ได้รับงบประมาณปรับปรุงแนวป้องกันอุทกภัยเบื้องต้น (ระยะเร่งด่วน) วงเงิน 7,568.486 ล้านบาทเพื่อปรับปรุงถนนเดิมยกระดับเป็นแนวคันกั้นน้ำ ซึ่งได้ลงพื้นที่สำรวจและออกแบบประมาณ 3 สัปดาห์แล้ว โดยการออกแบบจะแล้วเสร็จทั้งหมดเดือนเม.ย.เพื่อประกวดราคาและลงนามในสัญญาและลงมือดำเนินการภายในเดือนพ.ค.นี้ เนื่องจากเป้าหมายของกบอ.นั้น ต้องจัดทำคันกั้นน้ำหรือ กำแพงกั้นน้ำที่ป้องกันน้ำได้จริงทันเดือนก.ย.
โดยแนวคันกั้นน้ำที่อยู่ในความรับผิดชอบของทช.ประกอบด้วย 1.แนวคันกั้นน้ำฝั่งตะวันตกของคลองระพีพัฒน์ ตั้งแต่ปากคลอง ระพีพัฒน์ จนถึงชายทะเล วงเงิน 3,799.381 ล้านบาท 2. การย้ายแนวคันพระราชดำริไปที่คลองรังสิตประยูรศักดิ์ฝั่งใต้และคลองเจ็ด วงเงิน 238.05 ล้านบาท 3. แนวคันกั้นน้ำด้านแม่น้ำเจ้าพระยาริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก ตั้งแต่ปากคลองพระยาบรรลือ จนถึงปากแม่น้ำเจ้าพระยา วงเงิน 40 ล้านบาท 4. แนวคันกั้นน้ำด้านใต้ตามคลองพระยาบรรลือ วงเงิน 972.9 ล้านบาท 5. แนวคันกั้นน้ำด้านใต้ตามคลองพระพิมล วงเงิน 269.1ล้านบาท 6. แนวคันกั้นน้ำด้านใต้ตามคลองมหาสวัสดิ์ วงเงิน 983.25 ล้านบาท 7. แนวคันกั้นน้ำฝั่งตะวันออกริมแม่น้ำท่าจีน จากปลากคลองพระยาบรรลือด้านแม่น้ำท่าจีน ถึงปากแม่น้ำท่าจีนวงเงิน 1,265.805 ล้านบาท
ส่วนการดำเนินการฟื้นฟูถนนที่ได้รับความชำรุดเสียหายจากอุทกภัยให้กลับคืนสู่สภาพเดิม จานวน 532 สายทาง กรอบดาเนินการ 4,971,290,200 บาท นั้นนายพิศักดิ์กล่าวว่า ระยะเร่งด่วน 11 สาย วงเงิน 139.810 ล้านบาท อยู่ระหว่างดำเนินการโดยจะแล้วเสร็จภายในเดือนมิ.ย.2555 ส่วน ระยะที่ 2 อีก 521 โครงการ วงเงิน 4,832 ล้านบาท เปิดประมูลแบบ e-Auction ไปแล้ว 170โครงการที่เหลือจะดำเนินการประมูลครบภายในกลางเดือนเม.ย.โดยจะฟื้นฟูแล้วเสร็จในเดือนก.ย.
ด้านนายวันชัย ภาคลักษณ์ อธิบดีกรมทางหลวง กล่าวว่า ทล.ได้รับงบประมาณปรับปรุงแนวป้องกันอุทกภัยเบื้องต้น (ระยะเร่งด่วน) วงเงินประมาณ 4,000 ล้านบาท โดยได้สำรวจและออกแบบแล้วและจะเริ่มเปิดประมูลในเดือนเม.ย.และทยอยแล้วเสร็จในเดือนก.ย.ตามเป้าหมายของกบอ.