บอร์ดควบคุมขนส่งทางบก ยังไม่พิจารณาขึ้นค่าโดยสาร ชี้ ข้อมูลไม่ครบ ตัวเลขต้นทุนระหว่าง ขบ.และผู้ประกอบการไม่ตรงกัน เตรียมเรียกถกรายกลุ่ม ก่อนประชุมชุดใหญ่อีกครั้ง 25 เม.ย. เชื่อตัดสินใจได้ ระบุให้ของขวัญประชาชนสงกรานต์เดินทางหนาแน่น ขอความร่วมมือผู้ประกอบการเดินรถตามปกติ “ชัชชาติ”ชี้พิจารณาค่าโดยสารต้องดูต้นทุนเป็นหลัก ยันไม่ยอมขึ้นเพราะถูกขู่
นายศรศักดิ์ แสนสมบัติ รองปลัดกระทรวงคมนาคมในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกกลาง เปิดเผยภายหลังการประชุมวานนี้ (21 มี.ค.) ว่า มติที่ประชุมยังไม่ให้มีการปรับขึ้นค่าโดยสารรถสาธารณะหลังราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากตัวเลขต้นทุนที่ผู้ประกอบการเสนอขอปรับค่าโดยสาร ซึ่งยึดจากผลการศึกษาของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย(ทีดีอาร์ไอ)กับกรมการขนส่งทางบก(ขบ.)ไม่ตรงกัน โดยคณะกรรมการขนส่งกลางฯจะเชิญผู้ประกอบการมาหารือตัวเลขต้นทุนก่อนที่คณะกรรมการฯ ประชุมในวันที่ 25 เม.ย. เพื่อพิจารณาการปรับค่าโดยสารอีกครั้ง
โดยในวันที่ 4 เม.ย.จะเชิญ รถหมวด 4 คือ ผู้ประกอบการรถสองแถวในกรุงเทพฯ หารือตัวเลขต้นทุน วันที่ 11 เม.ย. จะเชิญผู้ประกอบการรถหมวด 2 คือ รถที่วิ่งจากกรุงเทพฯไปต่างจังหวัดหารือ และวันที่ 18 เม.ย. จะเชิญผู้ประกอบการรถหมวด 3 คือรถวิ่งระหว่างจังหวัดเข้าหารือ หลังจากได้ข้อมูลจากผู้ประกอบการทุกกลุ่มแล้วจะทำให้เกิดความชัดเจนว่าจะมีการปรับขึ้นค่าโดยสารอย่างไร เช่น ไม่ปรับขึ้น หรือปรับขึ้นบางส่วนโดยรัฐบาลให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการอย่างไร ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
ทั้งนี้ แนวทางความช่วยเหลือผู้ประกอบการนั้นกระทรวงจะหารือกับหน่วยงานอื่นๆ เช่น กระทรวงพลังงาน ส่วนการลดค่าขา(ค่าเที่ยววิ่ง)นั้น เป็นนโยบายซึ่งรัฐมนตรีสามารถทำได้ทันที ไม่เกี่ยวกับคณะกรรมการขนส่งกลางฯ
“เบื้องต้นตัวเลขที่ขนส่งทางบก ได้ทำตารางต้นทุนและค่าโดยสารมานั้นเห็นว่า สถานการณ์ราคาน้ำมันและต้นทุนปัจจุบัน จะปรับค่าโดยสาร 2-3 สต./กม.เท่านั้น ส่วนผู้ประกอบการเสนอมา 6 สต./กม.เป็นต้น ซึ่งต้องมีการหารือกันเพราะกรอบตารางที่ผู้ประกอบการยึดนั้นคิดต้นทุนตั้งแต่ปี 2548 ซึ่งปัจจุบันบางรายการมีการเปลี่ยนแปลงดังนั้นต้องมีการปรับตารางกันใหม่ อย่างไรก็ตาม ภาครัฐเห็นใช้ผู้ประกอบการเพราะราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากเดิมที่อยู่ในราคา 22บาท/ลิตร เป็น 32 บาท/ลิตร”นายศรศักดิ์กล่าว
ส่วนกรณีที่ผู้ประกอบการอาจจะมีการหยุดวิ่ง และอาจส่งผลกระทบต่อการเดินทางของประชาชนช่วงสงกรานต์นั้น นายศรศักดิ์กล่าวว่า การปรับลดเที่ยววิ่งสามารถทำได้ตามกรอบที่ได้รับอนุญาตเพื่อให้สอดคล้องกับจำนวนผู้โดยสารที่อาจจะลดลงเพื่อไม่ให้ขาดทุน ส่วนช่วงสงกรานต์นั้นเชื่อว่าผู้ประกอบการจะให้บริการตามปกติเพราะจะมีกำไรเนื่องจากมีผู้ใช้บริการจำนวนมาก
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า คณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกกลาง ที่มีนายศรศักดิ์ แสนสมบัติ รองปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นประธานจะประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องอัตราค่าโดยสารหลังจากที่ราคาน้ำมันดีเซลเพิ่มสูงขึ้นนั้น ได้ให้นโยโบบายว่า จะต้องพิจารณาต้นทุนที่แท้จริง และเป็นธรรมกับทั้งประชาชนและผู้ประกอบการ โดยยืนยันในขณะนี้จะยังไม่มีการปรับขึ้นค่าโดยสาร และจะไม่ยอมให้ขึ้นค่าโดยสารเพราะถูกบีบจากการปิดถนน
ทั้งนี้คณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกกลาง ต้องดูตัวเลขต้นทุนที่แท้จริง ทั้งราคาน้ำมันและต้นทุนอื่นๆ เช่น ค่าเช่า จำนวนผู้โดยสาร ค่าแรง ซึ่งจะมีการปรับขึ้นในเดือนเม.ย.นี้ก็ถือเป็นต้นส่วนหนึ่ง อย่างไรก็ตาม เห็นว่า ตารางโครงสร้างราคาน้ำมันกับค่าโดยสารที่ใช้เป็นกรอบในการพิจารณาค่าโดยสารนั้น เป็นตารางที่ใช้กันมานานแล้วข้อมูลเป็นไปตามตัวเลขในปัจจุบันหรือไม่ ดังนั้นควรจะต้องพิจารณาใหม่หรือไม่ อีกทั้ง ตารางดังกล่าวจะครอบคลุมกับรถทั้งหมด ซึ่งขณะนี้มีผู้ประกอบการบางส่วนเปลี่ยนไปใช้ก๊าซ NGV แล้ว และหากจะต้องมีการปรับตารางกันใหม่ จะต้องเจรจากับผู้ประกอบการเพื่อตกลงร่วมกัน
นายศรศักดิ์ แสนสมบัติ รองปลัดกระทรวงคมนาคมในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกกลาง เปิดเผยภายหลังการประชุมวานนี้ (21 มี.ค.) ว่า มติที่ประชุมยังไม่ให้มีการปรับขึ้นค่าโดยสารรถสาธารณะหลังราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากตัวเลขต้นทุนที่ผู้ประกอบการเสนอขอปรับค่าโดยสาร ซึ่งยึดจากผลการศึกษาของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย(ทีดีอาร์ไอ)กับกรมการขนส่งทางบก(ขบ.)ไม่ตรงกัน โดยคณะกรรมการขนส่งกลางฯจะเชิญผู้ประกอบการมาหารือตัวเลขต้นทุนก่อนที่คณะกรรมการฯ ประชุมในวันที่ 25 เม.ย. เพื่อพิจารณาการปรับค่าโดยสารอีกครั้ง
โดยในวันที่ 4 เม.ย.จะเชิญ รถหมวด 4 คือ ผู้ประกอบการรถสองแถวในกรุงเทพฯ หารือตัวเลขต้นทุน วันที่ 11 เม.ย. จะเชิญผู้ประกอบการรถหมวด 2 คือ รถที่วิ่งจากกรุงเทพฯไปต่างจังหวัดหารือ และวันที่ 18 เม.ย. จะเชิญผู้ประกอบการรถหมวด 3 คือรถวิ่งระหว่างจังหวัดเข้าหารือ หลังจากได้ข้อมูลจากผู้ประกอบการทุกกลุ่มแล้วจะทำให้เกิดความชัดเจนว่าจะมีการปรับขึ้นค่าโดยสารอย่างไร เช่น ไม่ปรับขึ้น หรือปรับขึ้นบางส่วนโดยรัฐบาลให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการอย่างไร ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
ทั้งนี้ แนวทางความช่วยเหลือผู้ประกอบการนั้นกระทรวงจะหารือกับหน่วยงานอื่นๆ เช่น กระทรวงพลังงาน ส่วนการลดค่าขา(ค่าเที่ยววิ่ง)นั้น เป็นนโยบายซึ่งรัฐมนตรีสามารถทำได้ทันที ไม่เกี่ยวกับคณะกรรมการขนส่งกลางฯ
“เบื้องต้นตัวเลขที่ขนส่งทางบก ได้ทำตารางต้นทุนและค่าโดยสารมานั้นเห็นว่า สถานการณ์ราคาน้ำมันและต้นทุนปัจจุบัน จะปรับค่าโดยสาร 2-3 สต./กม.เท่านั้น ส่วนผู้ประกอบการเสนอมา 6 สต./กม.เป็นต้น ซึ่งต้องมีการหารือกันเพราะกรอบตารางที่ผู้ประกอบการยึดนั้นคิดต้นทุนตั้งแต่ปี 2548 ซึ่งปัจจุบันบางรายการมีการเปลี่ยนแปลงดังนั้นต้องมีการปรับตารางกันใหม่ อย่างไรก็ตาม ภาครัฐเห็นใช้ผู้ประกอบการเพราะราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากเดิมที่อยู่ในราคา 22บาท/ลิตร เป็น 32 บาท/ลิตร”นายศรศักดิ์กล่าว
ส่วนกรณีที่ผู้ประกอบการอาจจะมีการหยุดวิ่ง และอาจส่งผลกระทบต่อการเดินทางของประชาชนช่วงสงกรานต์นั้น นายศรศักดิ์กล่าวว่า การปรับลดเที่ยววิ่งสามารถทำได้ตามกรอบที่ได้รับอนุญาตเพื่อให้สอดคล้องกับจำนวนผู้โดยสารที่อาจจะลดลงเพื่อไม่ให้ขาดทุน ส่วนช่วงสงกรานต์นั้นเชื่อว่าผู้ประกอบการจะให้บริการตามปกติเพราะจะมีกำไรเนื่องจากมีผู้ใช้บริการจำนวนมาก
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า คณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกกลาง ที่มีนายศรศักดิ์ แสนสมบัติ รองปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นประธานจะประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องอัตราค่าโดยสารหลังจากที่ราคาน้ำมันดีเซลเพิ่มสูงขึ้นนั้น ได้ให้นโยโบบายว่า จะต้องพิจารณาต้นทุนที่แท้จริง และเป็นธรรมกับทั้งประชาชนและผู้ประกอบการ โดยยืนยันในขณะนี้จะยังไม่มีการปรับขึ้นค่าโดยสาร และจะไม่ยอมให้ขึ้นค่าโดยสารเพราะถูกบีบจากการปิดถนน
ทั้งนี้คณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกกลาง ต้องดูตัวเลขต้นทุนที่แท้จริง ทั้งราคาน้ำมันและต้นทุนอื่นๆ เช่น ค่าเช่า จำนวนผู้โดยสาร ค่าแรง ซึ่งจะมีการปรับขึ้นในเดือนเม.ย.นี้ก็ถือเป็นต้นส่วนหนึ่ง อย่างไรก็ตาม เห็นว่า ตารางโครงสร้างราคาน้ำมันกับค่าโดยสารที่ใช้เป็นกรอบในการพิจารณาค่าโดยสารนั้น เป็นตารางที่ใช้กันมานานแล้วข้อมูลเป็นไปตามตัวเลขในปัจจุบันหรือไม่ ดังนั้นควรจะต้องพิจารณาใหม่หรือไม่ อีกทั้ง ตารางดังกล่าวจะครอบคลุมกับรถทั้งหมด ซึ่งขณะนี้มีผู้ประกอบการบางส่วนเปลี่ยนไปใช้ก๊าซ NGV แล้ว และหากจะต้องมีการปรับตารางกันใหม่ จะต้องเจรจากับผู้ประกอบการเพื่อตกลงร่วมกัน