เครือข่ายภาค ปชช.ยื่นหนังสือ สตง.ตรวจการใช้เงินกองทุนน้ำมันฯ ชดเชยราคา “แอลพีจี” ถูกต้องหรือไม่ ระบุ ต้องตรวจเช็ก “ต้นทุนนำเข้า-สัญญาซื้อขาย” ทุกรายการ และต้นทุนจริงจากปากหลุมขุดเจาะ ทั้งไทย-ต่างประเทศ เพื่อเปรียบเทียบ แนะรัฐควรเก็บภาษีทุกชนิดรวมกันแล้วไม่เกิน 8 บาท ส่วนการกำหนด “ค่าการกลั่นตลาด-ค่าการตลาด” ไม่ควรเกินลิตรละ 1 บาท
พันโทแพทย์หญิง กมลพรรณ ชีวพันธุศรี สมาชิกสภาพัฒนาการเมือง พร้อมด้วยเครือข่ายประชาชนอนุรักษ์พลังงาน สภาธรรมาภิบาล กลุ่มพิทักษ์อากาศดีมาบตาพุด ยื่นหนังสือผ่านนางสาววรลักษณ์ ถ้ำแก้ว ผู้ตรวจเงินแผ่นดิน 1 เพื่อให้สำนักงานคณะกรรมการการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เข้าตรวจสอบการใช้เงินของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในการเข้าไปชดเชยราคาก๊าซแอลพีจีให้กับประชาชนและภาคขนส่ง โดยมีการนำเข้าเป็นมูลและปริมาณเท่าใด การตรวจสอบสัญญาซื้อขายทุกรายการ การตรวจสอบราคาต้นทุนซื้อขายก๊าซจากปากหลุมก๊าซธรรมชาติ และการนำเข้าจากทุกแห่งทั่วโลก
ทั้งนี้ การตรวจสอบได้ขอให้ตัวแทนเครือข่ายภาคประชาชน นักวิชาการ ร่วมให้คำปรึกษาการตรวจสอบด้วย เนื่องจากเห็นว่า มีความผิดปกติของกองทุนน้ำมันฯ และดูข้อเท็จจริงว่าใช้เงินไปในทางใดบ้าง เพราะมีข้อมูลขัดแย้งกัน เช่น บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) บอกว่า ขาดทุนจากการขายก๊าซธรรมชาติหลายหมื่นล้านบาท แต่ผลรวมแล้ว ปตท.กลับมีกำไรนับแสนล้านบาท
นอกจากนี้ เครือข่ายภาคประชาชนต้องการให้รัฐบาลเก็บภาษีทุกชนิดรวมกันแล้วไม่ควรเกิน 8 บาทต่อลิตร และค่อยปรับลดลงตามตลาดโลก การกำหนดค่าการตลาดไม่ควรเกิน 1 บาทต่อลิตรในทุกผลิตภัณฑ์ ค่าการกลั่นไม่ควรแพงกว่าตลาดโลกหรือไม่เกิน 1 บาทต่อลิตร มูลค่าภาคหลวงให้ส่งให้รัฐไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 การตรวจสอบต้นทุนก๊าซจากปากหลุมว่าเป็นเท่าใดกันแน่ เพราะหากชัดเจนรัฐบาลจะช่วยดูแลราคาพลังงานไม่ให้กระทบต่อประชาชนได้
