ASTVผู้จัดการรายวัน - “ทีวีไดเร็ค” เปิดเกมรุกรับตลาดขายตรงชั้นเดียวเดือด พร้อมรับมือเออีซี หวั่นจีนตีตลาด ทุ่ม 650 ล้านบาท เสริมแกร่ง เดินหน้าเข้าตลาดเอ็มเอไอ โหมมัลติแชนแนลต่อเนื่อง รุกตลาดต่างประเทศ หวังสัดส่วนรายได้ 25% ในปี 2558
นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทวางแผนระยะยาวในการรองรับกับการแข่งขันของธุรกิจและการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี ในปี 2558 เนื่องจากขณะนี้ธุรกิจไม่ใช่มีคู่แข่งเฉพาะในไทยเท่านั้น เพราไม่นานมานี้ก็มีกลุ่มเกาหลีเข้ามาบุกตลาดในไทยแล้ว (กลุ่มเอสเอ็มจากเกาหลีร่วมทุนกับกลุ่มทุนไทย คือ เดอะมอลล์ เซเว่นอีเลฟเว่น และทรูวิชั่นส์)
แต่ขณะนี้กลุ่มทุนจากญี่ปุ่น ไต้หวัน ก็เข้ามาทำธุรกิจในไทยแล้ว และที่น่ากลัวที่สุด คือ กลุ่มทุนจากจีน โดยปีนี้จะใช้งบลงทุนรวมกว่า 650 ล้านบาท แบ่งเป็นงบ 120 ล้านบาท เพื่อสร้างอาคารใหม่ งบอีก 25 ล้านบาทเพื่อการพัฒนาบุคลากร และงบอีก 500 ล้านบาท เป็นงบตลาด (ปีที่แล้วใช้งบตลาด 495 ล้านบาท)
ขณะเดียวกัน ในไตรมาสที่สองปีนี้ คาดว่า จะสามารถยื่นไฟล์ลิ่ง เพื่อเสนอขายหุ้น IPO และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ โดยจะทำการขายหุ้น 15-20% หรือเท่ากับ 28 .5 ล้านหุ้น จากทุนจดทะเบียน 159 ล้านบาท ที่จะเพิ่มเป็น 188 ล้านบาท
โดยปีนี้จะยังคงเน้นทำตลาดเชิงรุกด้วยกลยุทธ์มัลติแชนแนลมาร์เก็ตติ้ง ที่มีช่องทางการตลาดที่หลากหลายเพื่อเข้าถึงผู้บริโภคมากที่สุด โดยปัจจุบันสัดส่วนรายได้หลักมาจากช่องทางทีวี ทีวีดาวเทียม เคเบิลทีวี 46% เติบโตมากที่สุด, คอลล์เซ็นเตอร์ 24%, รีเทล 10%, สิ่งพิมพ์ แคตตาล็อก 5%, และอื่นๆ 5% เช่น ระบบโทรศัพท์แบบโทร.ออก เมลออเดอร์ ระบบออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ เป็นต้น
นอกจากนั้น จะการลดปริมาณเอสเคยูของสินค้าลงจากขณะนี้ที่มีมากกว่า 2,500 เอสเคยู ให้เหลือประมาณ 2,000 เอสเคยู เนื่องจากที่ผ่านมาเป็นการทดลองดูว่าสินค้าใดจะเหมาะสมกับช่องทางใด โดยเฉลี่ยต่อปีจะมีสินค้าที่เข้ามาและออกไป 14% จากทั้งหมด มีเพียงช่วง 2 ปีนี้ที่มีสินค้าเข้ามามากถึง 20% เพราะธุรกิจได้รับการตอบรับที่ดี พร้อมกับการรุกตลาดสินค้าเฮาส์แบรนด์มากขึ้นด้วย เช่น นูไวท์ รวมทั้งการรุกธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนต์
ล่าสุด ร่วมกับบริษัท มันวา บรอดคาสติ้ง และ บริษัท เจแอลสตาร์เนทเทรด จำกัด จัดคอนเสิร์ต The Biggest KPOP Concert of Asia 2012 Live in Bangkok วันที่ 7 เมษายนนี้โดยมีศิลปินเกาหลีมากกว่า 19 วง เล่นคอนเสิร์ตที่สนามราชมังคลากรีฑาสถาน
สำหรับแผนรุกต่างประเทศนั้น ปีนี้จะบุกตลาดอย่างจริงจัง หลังจากเริ่มตลาดมาก่อนหน้านี้แล้ว เริ่มที่อินโดจีน คือ ลาว เวียดนาม กัมพูชา และมาเลเซีย ซึ่งได้ตั้งสำนักงานแล้วทั้ง 4 ประเทศ ใช้เงินลงทุนไปแล้วรวมกว่า 40 ล้านบาท ส่วนปี 2556 เป็นต้นไป จะเริ่มบุกตลาดอาเซียน และจากนั้นจะทยอยบุกตลาดอาเซียนบวก 3 (จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น) แต่ละประเทศจะมีแพลตฟอร์ม 1-2 อย่าง เช่น สื่อทีวีจะต้องมีทุกประเทศ และสื่อแคตตาล็อก ซึ่งในลาวมีความเป็นไปได้ที่จะมีช่องทีวีดาวเทียมต่างหาก
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายปี 2558 สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจะมีประมาณ 25% จากรายได้รวมขณะนั้น ขณะที่ปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศน้อยมากแค่ 3-4% เท่านั้นเอง และมีฐานสมาชิก 1.3 ล้านคน สำหรับปีที่แล้วมีรายได้รวม 9 เดือนแรก 1,400 ล้านบาท เติบโต 33.6% เทียบจาก 9 เดือนแรกปี 2553 โดยตั้งเป้าหมายปีที่แล้วมีรายได้รวม 2,011 ล้านบาท ตั้งเป้าปีนี้เติบโต 14% อย่างไรก็ตาม ตั้งเป้าหมาย 5 ปีจากนี้ต้องเติบโต 20% ต่อปี
นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทวางแผนระยะยาวในการรองรับกับการแข่งขันของธุรกิจและการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี ในปี 2558 เนื่องจากขณะนี้ธุรกิจไม่ใช่มีคู่แข่งเฉพาะในไทยเท่านั้น เพราไม่นานมานี้ก็มีกลุ่มเกาหลีเข้ามาบุกตลาดในไทยแล้ว (กลุ่มเอสเอ็มจากเกาหลีร่วมทุนกับกลุ่มทุนไทย คือ เดอะมอลล์ เซเว่นอีเลฟเว่น และทรูวิชั่นส์)
แต่ขณะนี้กลุ่มทุนจากญี่ปุ่น ไต้หวัน ก็เข้ามาทำธุรกิจในไทยแล้ว และที่น่ากลัวที่สุด คือ กลุ่มทุนจากจีน โดยปีนี้จะใช้งบลงทุนรวมกว่า 650 ล้านบาท แบ่งเป็นงบ 120 ล้านบาท เพื่อสร้างอาคารใหม่ งบอีก 25 ล้านบาทเพื่อการพัฒนาบุคลากร และงบอีก 500 ล้านบาท เป็นงบตลาด (ปีที่แล้วใช้งบตลาด 495 ล้านบาท)
ขณะเดียวกัน ในไตรมาสที่สองปีนี้ คาดว่า จะสามารถยื่นไฟล์ลิ่ง เพื่อเสนอขายหุ้น IPO และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ โดยจะทำการขายหุ้น 15-20% หรือเท่ากับ 28 .5 ล้านหุ้น จากทุนจดทะเบียน 159 ล้านบาท ที่จะเพิ่มเป็น 188 ล้านบาท
โดยปีนี้จะยังคงเน้นทำตลาดเชิงรุกด้วยกลยุทธ์มัลติแชนแนลมาร์เก็ตติ้ง ที่มีช่องทางการตลาดที่หลากหลายเพื่อเข้าถึงผู้บริโภคมากที่สุด โดยปัจจุบันสัดส่วนรายได้หลักมาจากช่องทางทีวี ทีวีดาวเทียม เคเบิลทีวี 46% เติบโตมากที่สุด, คอลล์เซ็นเตอร์ 24%, รีเทล 10%, สิ่งพิมพ์ แคตตาล็อก 5%, และอื่นๆ 5% เช่น ระบบโทรศัพท์แบบโทร.ออก เมลออเดอร์ ระบบออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ เป็นต้น
นอกจากนั้น จะการลดปริมาณเอสเคยูของสินค้าลงจากขณะนี้ที่มีมากกว่า 2,500 เอสเคยู ให้เหลือประมาณ 2,000 เอสเคยู เนื่องจากที่ผ่านมาเป็นการทดลองดูว่าสินค้าใดจะเหมาะสมกับช่องทางใด โดยเฉลี่ยต่อปีจะมีสินค้าที่เข้ามาและออกไป 14% จากทั้งหมด มีเพียงช่วง 2 ปีนี้ที่มีสินค้าเข้ามามากถึง 20% เพราะธุรกิจได้รับการตอบรับที่ดี พร้อมกับการรุกตลาดสินค้าเฮาส์แบรนด์มากขึ้นด้วย เช่น นูไวท์ รวมทั้งการรุกธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนต์
ล่าสุด ร่วมกับบริษัท มันวา บรอดคาสติ้ง และ บริษัท เจแอลสตาร์เนทเทรด จำกัด จัดคอนเสิร์ต The Biggest KPOP Concert of Asia 2012 Live in Bangkok วันที่ 7 เมษายนนี้โดยมีศิลปินเกาหลีมากกว่า 19 วง เล่นคอนเสิร์ตที่สนามราชมังคลากรีฑาสถาน
สำหรับแผนรุกต่างประเทศนั้น ปีนี้จะบุกตลาดอย่างจริงจัง หลังจากเริ่มตลาดมาก่อนหน้านี้แล้ว เริ่มที่อินโดจีน คือ ลาว เวียดนาม กัมพูชา และมาเลเซีย ซึ่งได้ตั้งสำนักงานแล้วทั้ง 4 ประเทศ ใช้เงินลงทุนไปแล้วรวมกว่า 40 ล้านบาท ส่วนปี 2556 เป็นต้นไป จะเริ่มบุกตลาดอาเซียน และจากนั้นจะทยอยบุกตลาดอาเซียนบวก 3 (จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น) แต่ละประเทศจะมีแพลตฟอร์ม 1-2 อย่าง เช่น สื่อทีวีจะต้องมีทุกประเทศ และสื่อแคตตาล็อก ซึ่งในลาวมีความเป็นไปได้ที่จะมีช่องทีวีดาวเทียมต่างหาก
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายปี 2558 สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจะมีประมาณ 25% จากรายได้รวมขณะนั้น ขณะที่ปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศน้อยมากแค่ 3-4% เท่านั้นเอง และมีฐานสมาชิก 1.3 ล้านคน สำหรับปีที่แล้วมีรายได้รวม 9 เดือนแรก 1,400 ล้านบาท เติบโต 33.6% เทียบจาก 9 เดือนแรกปี 2553 โดยตั้งเป้าหมายปีที่แล้วมีรายได้รวม 2,011 ล้านบาท ตั้งเป้าปีนี้เติบโต 14% อย่างไรก็ตาม ตั้งเป้าหมาย 5 ปีจากนี้ต้องเติบโต 20% ต่อปี