xs
xsm
sm
md
lg

ยามาฮ่ามอเตอร์ยันไทยสำคัญหาความต่างสินค้าเพื่อส่วนแบ่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการมอเตอริ่ง มีโอกาสเดินทางร่วมกับค่ายรถจักรยานยนต์ไทยยี่ห้อ “ยามาฮ่า” เที่ยวชมงาน “โตเกียว มอเตอร์โชว์” ณ ประเทศญี่ปุ่น และครั้งนี้ได้สัมภาษณ์ ผู้บริหารทั้งจากญี่ปุ่น และผู้บริหารไทย เรียวอิจิ ซูมิโอกะ กรรมการบริหาร บริษัท ยามาฮ่า มอเตอร์ จำกัด และ นายประพันธ์ พลธนะวสิทธิ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่า มอเตอร์ จำกัด หลากหลายเรื่องเกี่ยวกับตลาดรถจักรยานยนต์ในไทยและอาเซียน รวมถึงผลกระทบจากอุทกภัยที่เกิดขึ้นในเมืองไทย

เรามาลองฟังความคิดเห็นจาก 2 ผู้บริหารกันดูว่า ตลาดรถจักรยานยนต์จะไปในทิศทางใดกันบ้าง เริ่มจาก เรียวอิจิ ซูมิโอกะ
เรียวอิจิ ซูมิโอกะ
-มองตลาดในภูมิภาคอาเซียน

ภูมิภาคอาเซียนเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ มีสัดส่วนถึง 30 % ของตลาดรถจักรยานยนต์ทั่วโลก ในขณะที่เศรษฐกิจมีการเติบโต รถจักรยานยนต์ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะราคาไม่แพง และสะดวกสบาย ยามาฮ่าคาดหวังว่าตลาดรถจักรยานยนต์จะเติบโตอย่างต่อเนื่องต่อไป ส่วนในประเทศที่มีการแข่งขันทางการตลาดสูง ผู้บริโภคย่อมต้องการถจักรยานยนต์ที่มีความแตกต่างและมีความเหนือชั้นกว่ารถจักรยานยนต์ทั่วไป

-จะมีอะไรใหม่สู่ตลาดอาเซียนไหม

ตลาดอินโดนีเซีย เวียดนาม ไทย จริง ๆ แล้วเป็นตลาดที่สำคัญ ส่วนแผนปีหน้ายังไม่เป็นรูปเป็นร่าง จึงยังบอกอะไรไม่ได้มากนัก ต้องรอ ส่วนแผนการลงทุนในตลาดอาเซียน ทางยามาฮ่า มอเตอร์ ยังไม่สามารถตัดสินใจตอนนี้ แต่ถ้าจะลงทุนจะเป็นลักษณะ ONE BY ONE แต่ละประเทศจะมีการตัดสินใจด้วยตนเอง จะลงทุนเท่าไร โดยรับนโยบายมาจากบริษัทแม่
ผู้บริหารจากไทย ประพันธ์ พลธนะวะสิทธิ์  จินตนา อุดมทรัพย์ และพรีเซ็นเตอร์ของยามาฮ่า โต่โน่ เดอะสตาร์
-ปัญหาอุทกภัยจากเมืองไทยมีผลกระทบไหม

มีบ้าง แต่ไม่มาก และที่ผ่านมาบริษัท ไทยยามาฮ่า มอเตอร์ จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ในประเทศ ได้หยุดการผลิตชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม เนื่องจากการขาดแคลนชิ้นส่วนบางชิ้น รวมถึงอะไหล่จากบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม แต่ด้วยการร่วมแรงร่วมใจกับผู้ผลิตชิ้นส่วนในการจัดหาอะไหล่ ทำให้ไทยยามาฮ่าสาารถกลับมาดำเนินการผลิตได้อีกครั้งเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา แต่การฟื้นฟูได้อย่างเต็มรูปแบบ อาจต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง อย่างไรก็ตามยามาฮ่าจะยังคงทำงานร่วมกันกับบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอย่างเต็มที

-มองตลาดในไทย

เนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศไทยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เราคาดการณ์ว่าตลาดรวมรถจักรยานยนต์ในปี 2011 จะมีมากกว่า 2 ล้านคัน และจากการนำเสนอผลิตภณฑ์ Fuel Injection ที่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ทำให้ส่วนแบ่งการตลาดของยามาฮ่าในปีนี้จะอยู่ที่ ประมาณ 23 %

ในขณะที่ตลาดรถจักรยานยนต์ไทยเริ่มที่จะอยู่ตัว ความต้องการของลูกค้าได้เปลี่ยนจากการใช้รถจักรยานยนต์ในการขับขี่ประจำวัน เปลี่ยนเป็นการสะท้อนรสนิยมความเป็นตัวตนของคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ นอกจากนี้กระแสลดโลกร้อนและราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องก็จะนำไปสู่พฤติกรรมการใช้เชื้อเพลิงอย่างประหยัดไปโดยปริยาย

เราสามารถพูดได้ว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่พัฒนาไปได้ไกลเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน แต่ในอีกไม่นานตลาดของประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคนี้ก็จะคล้ายคลึงกัน ยามาฮ่า มอเตอร์ มองประเทศไทยในฐานะตลาดที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาค เราจะยังคงนำเสนอนวตกรรมยานยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ประหยัดเชื้อเพลิง ดูดี ทันสมัย และมีดีไซน์ เพื่อที่จะทำยามาฮ่าได้ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น

-นั่นหมายความว่า

ไทยยามาฮ่า จะยังคงนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นรถจักรยานยนต์ระบบอัตโนมัติ รถบิ๊กไบค์ ยานพาหนะทางน้ำ เครื่องยนต์ติดท้ายเรือ เครื่องปั่นไฟ เครื่องยนต์เอนกประสงค์ ซึ่งผลผลิตที่กล่าวมาทั้งหมดจะนำไปสู่ชีวิตที่ดียิ่งขึ้น

ทางด้านประพันธ์ พลธนะวสิทธ์ พูดถึงตัวเลขยอดขายในไทยหลังเจอวิกฤติอุทกภัย

-อยากทราบยอดขายรวม

ตลาดรวมของรถจักรยานยนต์ในปี 2553 มียอดจำหน่ายทั้งสิ้น 1,846,000 คัน ในส่วนของยามาฮ่าเองมียอดจำหน่ายทั้งสิ้น 479,000 คัน ทำให้บริษัทฯ มีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็น 26 % ส่วนภาพรวมของตลาดรถจักรยานยนต์ปี 2554 นับรวม 10 เดือนแรกที่ผ่านมา มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมียอดจำหน่ายรวมอยู่ที่ 1,756,356 คัน เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2553 มียอดจำหน่ายรวมอยู่ที่ 1,543,873 คัน ทำให้มีอัตราเติบโตอยู่ที่ 13.8 % ในส่วนของรถจักรยานยนต์ยามาฮ่ามียอดจำหน่ายรวมอยู่ที่ 405,426 คัน เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2553 มียอดจำหน่ายรวมอยู่ที่ 401,219 คัน ทำให้บริษัท ฯมีส่วนแบ่งการตลาดในช่วง 10 เดือนแรกอยู่ที่ 23.1% ซึ่งถือได้ว่าเราได้รับความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์และภาพลักษณ์ที่โดดเด่นของยามาฮ่ามาโดยตลอด

-ยอดขายหดตัวจากอุทกภัยไหม

ในส่วนของยามาฮ่าเองได้รับผลกระทบบ้างถึงแม้โรงงานจะไม่ถูกน้ำท่วมแต่มีผลกระทบในด้านการผลิตคือในส่วนของการผลิต และประกอบชิ้นส่วนต้องหยุดการผลิตชั่วคราว เนื่องจากผู้ผลิตชิ้นส่วนในนิคมฯโรจนะ และนิคมฯไฮเทคหลายโรงงานได้รับความเสียหายจึงไม่สามารถผลิตชิ้นส่วนป้อนให้ยามาฮ่าได้ ซึ่งยามาฮ่าได้ดำเนินการแก้ไขในส่วนของกระบวนการผลิตเพื่อไม่ให้หยุดชะงัก จึงสั่งชิ้นส่วนที่ไม่สามารถหาได้มาจากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้เรายังคงสามารถผลิตและประกอบรถจักรยานยนต์ได้เต็มกำลังเหมือนเดิม

แน่นอนช่วงไตรมาส 4 หรือประมาณกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา กลุ่มผู้บริโภคในหลายจังหวัดได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ ทำให้ยอดขายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่ามีการปรับตัวลดลงประมาณ 60,000 คัน จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ 520,000 คันเมื่อต้นปี ลดเหลือ 460,000 คัน โดยทางบริษัทฯคาดการณ์ว่าตลาดรวมรถจักรยานยนต์ในปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 2,050,000 คัน ซึ่งจะทำให้มีอัตราการเติบโตสูงถึง 11 % เมื่อเทียบกับปี 2553 และจะทำให้ยามาฮ่าจะมีส่วนแบ่งการตลาดในปี 2554 อยู่ที่ 23 %

-มีผลิตภัณฑ์ใหม่เปิดตัว

จริง ปีนี้จะมีแผนที่จะเปิดตัวสินค้าใหม่ 2 รุ่น แต่เมื่อเจออุทกภัยจึงได้มีการเลื่อนไปเป็นต้นปีหน้า แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะเป็นรถประเภทไหน ต้องรอลุ้น


-จะมีลูกเล่นอะไรมานำเสนอไหม

เรามีแผนที่เรื่อง แบรนดิ้ง ใหม่ ประมาณต้นปีหน้าจะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ เพราะสิ่งที่เราทำมาตั้งแต่ปี 2003 Switch Campaign Makes Your Life Different (ยามาฮ่า ..ชีวิตที่แตกต่าง) พอปี2008 เปลี่ยน เป็น Yes!We are Different (เพราะเราแตกต่าง..ยามาฮ่า ) ปีหน้าถึงเวลาที่จะเปลี่ยนแปลงแล้ว ต้องคิดอะไรใหม่ตลอดเวลา เราต้องหาทางหนีไปเรื่อย ๆ เราสู้กับยักษ์ใหญ่ตรง ๆ ไม่ได้ เราก็แข่งในวิถีที่ถนัด บวกกับตอนนี้มันแถบไม่แตกต่างจากคู่แข่ง ขณะที่เมื่อก่อนมีความแตกต่าง ฉะนั้นจึงต้องมีการคิดใหม่ ทำใหม่ ให้แตกต่างจากคู่แข่ง

จับตาปีหน้าทั้งผลิตภัณฑ์ใหม่ และกลยุทธ์ในการบุกตลาดรูปแบบใหม่ ของยามาฮ่า รถจักรยานยนต์ไทยเบอร์สอง ที่คู่แข่งประมาทไม่ได้เลย....

กำลังโหลดความคิดเห็น