“พิชัย” อำลาเก้าอี้ “รมว.พลังงาน” ยันไม่รู้สึกเสียดายแต่อย่างใด เพราะเรื่องนี้เป็นการเมือง เมื่อมีการเปลี่ยนแปลง ก็เป็นเรื่องปกติ เพราะตอนที่เข้ามารับตำแหน่ง ก็เป็นสิ่งที่ไม่คาดฝัน และเมื่อมีโอกาสก็จะขอทำสิ่งที่ดีที่สุด พร้อมฝาก “อารักษ์” เดินหน้าแหล่งพลังงาน ไทย-เขมร พร้อมหนุนขายหุ้น ปตท.ให้วายุภักษ์
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าพิธีอำลาตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โดยกล่าวว่า ในเรื่องการปรับเปลี่ยนตำแหน่งมีผู้ใหญ่ในพรรคเป็นผู้แจ้งว่า จะมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งทางตนบอกว่ายินดี ไม่รู้สึกเสียดายแต่อย่างใด เพราะเรื่องนี้เป็นการเมือง เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงก็เป็นเรื่องปกติทางด้านการเมือง เพราะตอนที่เข้ามาเป็นรัฐมนตรี ตั้งแต่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ก็เป็นสิ่งที่ไม่คาดฝัน และเมื่อมีโอกาสก็จะขอทำสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ประเทศชาติ
ทั้งนี้ หากในอนาคตมีโอกาสก็พร้อมเข้ามาทำงานอีก โดยจากนี้ตนจะทำงานด้านวิชาการในพรรคเพื่อไทยต่อไป ซึ่งการถูกปรับออกจะเป็นเรื่องผลกระทบจากโครงการที่ทำมาหรือไม่ ในเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่สังคมจะเป็นผู้ตัดสิน หากเห็นว่าสิ่งที่ทำไปไม่ว่าการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา หรือปรับโครงสร้างพลังงานเป็นสิ่งที่ดี สังคมก็คงจะให้โอกาส
ส่วน นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานคนใหม่ ก็รู้จัก แต่ยังไม่ได้พูดคุยกันนายอารักษ์ เป็นคนฉลาดทำงานเก่ง คงจะเข้ามาสานงานได้ดี คงไม่จำเป็นต้องฝากอะไรไว้
นายพิชัย กล่าวว่า สิ่งที่อยากจะเห็นงานของกระทรวงพลังงานเดินหน้าต่อ คือ การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ปัจจุบันการใช้พลังงานของประเทศสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 20 ของจีดีพี ปี 2554 ไทยนำเข้าพลังงานสูงถึง 1.2 ล้านล้านบาท หากไม่ปรับปรุงอะไรก็จะทำให้ประเทศไทยใช้พลังงานอย่างฟุ่มเฟือย หากเพิ่มประสิทธิภาพได้ ก็จะลดการนำเข้าพลังงานจะดีต่อประเทศ
ส่วนการปรับโครงสร้างพลังงานเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2555 ที่ผ่านมา ทั้งการปรับราคาเอ็นจีวี และแอลพีจี นั้น เป็นเรื่องจำเป็นในส่วนของเอ็นจีวี หากไม่ขึ้นราคาเลยมีการอุดหนุนต่อไปเรื่อยๆ ปตท.คงจะเจ๊ง เพราะต้องแบกรับภาระมหาศาล ประเทศก็คงจะเจ๊งด้วย โดย เอ็นจีวี เป็นเชื้อเพลิงควรส่งเสริมต่อ เพราะต้นทุนต่ำเมื่อเทียบกับน้ำมัน หวังว่ารถบรรทุกปัจจุบันใช้ 500,000-600,000 คัน ก็จะเพิ่มเป็น 700,000-800,000 คัน แต่ราคาต้องสะท้อนต้นทุนแท้จริงรวมทั้งแอลพีจี ไม่เช่นนั้นหลังเปิดเขตการค้าเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 คงจะแข่งขันลำบาก
ส่วนการที่รัฐบาลมีแนวคิดให้กองทุนวายุภักษ์เข้าไปซื้อหุ้น ปตท.จากกระทรวงการคลังเพิ่มขึ้น เพื่อลดการก่อหนี้สาธารณะของประเทศ โดยยอมรับว่า ตนเองเห็นด้วย ถึงแม้ว่จะมีการถ่ายโอนหุ้น ปตท.ให้กับกองทุนวายุภักษ์ แต่สัดส่วนการถือหุ้น ปตท.ของภาครัฐยังอยู่ในระดับร้อยละ 70 และหนี้ ปตท.ไม่ใช่หนี้เสีย ปตท.มีความแข็งแรง สามารถดูแลปัญหาการก่อหนี้ได้
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า การทำธุรกิจของ ปตท.จะต้องมีกำไรเพิ่มขึ้น เพื่อที่ ปตท.จะมีความสามารถในการเข้าไปลงทุนธุรกิจในต่างประเทศ สร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศในอนาคต
