xs
xsm
sm
md
lg

เร่งผุด “สุวรรณภูมิเฟส 2” “สุกำพล” หวังเร็วขึ้น 1 ปี-เดินหน้าซิงเกิลแอร์พอร์ต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - “สุกำพล” เร่ง ทอท.ปรับแผนสุวรรณภูมิเฟส 2 และอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ เสร็จเร็วขึ้น 1 ปี เปิดในปี 59 รองรับผู้โดยสาร 60 ล้านบาทต่อปี เดินหน้านโยบาย Single airport ดันสุวรรณภูมิฮับภูมิภาค เผย ทอท.วางแผนลงทุนพัฒนาปรับปรุงทุกสนามบิน 9.07 หมื่นล้านบาท ภายในปี 54-60 คาด กระทบสภาพคล่องช่วงปี 57-59 แต่ไม่มีปัญหา เหตุองค์กรแข็งแกร่ง สั่งหาทางเพิ่มผู้ให้บริการน้ำมันอากาศยานรายที่ 2 เพื่อความมั่นคงทางพลังงาน ส่วนฟื้นฟูดอนเมืองเสร็จ มี.ค.55 ขณะที่ “ชัยวัฒน์” มั่นใจแก้ขาดทุนโรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิได้ ใน 12 เดือน วาง 4 ประเด็นหลักเจรจาเจ้าหนี้ ปรับวิธีลงบัญชีใหม่ คาด ลดหนี้สะสมเหลือ 600 ล้านบาท ก่อนเร่งอัดโปรโมชันหาลูกค้าเพิ่ม เตรียมหารือผู้ถือหุ้น ทั้ง ทอท.และการบินไทย กำหนดแผนร่วมพร้อมเร่งหาเอ็มดีคนใหม่เน้นนักบริหารมืออาชีพ

พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.วานนี้ (14 ธ.ค.) ว่า นโยบายหลักคือพัฒนาท่าอากศยานสุวรรณภูมิ ให้เป็น Single Airport โดยต้องมีความทันสมัย, มีอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันและมีบริการที่ดี ส่วนท่าอากาศยานดอนเมืองจะต้องเป็นศูนย์กลางในการซ่อมบำรุงอากาศยานในภูมิภาค โดยจะตั้งกรรมการบูรณาการจาก 4 หน่วยงานเพื่อทำงานร่วมกัน คือ ทอท., บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน), กรมการบินพลเรือน (บพ.) และบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย (บวท.) ส่วนการบินเชิงพาณิชย์นั้น ยังเป็นไปตามเดิมโดยสายการบินนกแอร์และโอเรียนท์ไทยแอร์ไลน์ ยังกลับไปให้บริการได้เหมือนเดิมเพราะเป็นเที่ยวบินภายในประเทศ ที่ไม่มีผู้โดยสารต่อเครื่อง และรองรับเที่ยวบินเช่าเหมาลำ(Charter Flight) เครื่องบินส่วนตัว (Private Jet) เพื่อแบ่งเบาภาระท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและใช้ประโยชน์ดอนเมืองได้อย่างคุ้มค่า

ทั้งนี้ ทอท.มีแผนการลงทุนจำนวน 90,731 ล้านบาท ในระหว่างปี 2554-2560 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการทุกท่าอากาศยาน เช่น โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (เฟส 2) วงเงินลงทุน 62,503.214 ล้านบาท โครงการลงทุนก่อสร้างอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ (Domestic Terminal) ลงทุนประมาณ 9,133.520 ล้านบาท การก่อสร้างรันเวย์ที่ 3, โครงการพัฒนาท่าอากาศยานภูเก็ต วงเงินลงทุน 5,700 ล้านบาท เป็นต้น ซึ่งการลงทุนดังกล่าวจะทำให้ ทอท.ต้องขาดสภาพคล่องในปี 2557-2559 เนื่องจาก ทอท.เป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมด แต่สถานภาพและธุรกิจของทอท.มีความแข็งแกร่งมากดังกล่าวจะไม่มีปัญหาใดๆ กรณีที่จะออกบอนด์เพื่อหาเงินลงทุนตามแผน

พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ต้องการให้ ทอท.เร่งรัดแผนการก่อส้างในโครงการขยายสุวรรณภูมิเฟส2ซึ่งครม.ได้อนุมัติตั้งแต่เมื่อวันที่ 24 ส.ค.2553 ให้เร็วขึ้นกว่าแผนเดิม 1 ปี โดยปรับลดจากเดิมใช้เวลาดำเนินการก่อสร้าง 72 เดือน (6 ปี) ให้เหลือ 60 เดือน (5 ปี) ซึ่จะทำให้แล้วเสร็จในปี 2559 ซึ่ง ทอท.รับที่จะปรับแผนดำเนินงานให้เร็วขึ้น โดยสุวรรณภูมิเฟส 2 นั้น จะมีการก่อสร้างขยายอาคารผู้โดยสารหลักด้านทิศตะวันออก ทำให้รองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอีก 15 ล้านคนต่อปี จากปัจจุบัน 45 ล้านคนต่อปี เป็น 60 ล้านคนต่อปี (ผู้โดยสารระหว่างประเทศ 48 ล้านคนต่อปี และผู้โดยสารภายในประเทศ 12 ล้านคนต่อปี) มีหลุมจอดเครื่องบินเพิ่มอีก28 หลุม และรองรับเครื่องบินแอร์บัส 380 ได้ 8 ลำ นอกจากนี้ ยังมีงานก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 งานระบบสาธารณูปโภค และงานจ้างที่ปรึกษาบริหารจัดการโครงการ โดยในปี 2555 จะมีการว่าจ้างที่ปรึกษาบริหารจัดการโครงการ (Project Management Consultant : PMC) วงเงิน 763 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังให้ ทอท.พิจารณาความเป็นไปได้ในการเพิ่มผู้ให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจากปัจจุบันที่มีเพียงรายเดียว คือ บริษัท บริการน้ำมันเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บาฟส์ ทั้งนี้ เพื่อความมั่นคงทางด้านเชื้อเพลิงของสนามบินเพราะหากเกิดปัญหากับบาฟส์ หรือมีอุบัติเหตุขึ้น จะมีบริษัทสำรอง โดยเห็นว่าการมีผู้ให้บริการเพิ่มควรจะเป็นการเข้ามาร่วมบริการไม่ใช่การแข่งขัน นอกจากนี้ ยังต้องการให้เพิ่มระบบคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้าที่สุวรรณภูมิด้วย

ส่วนการพัฒนาท่าอากาศยานภูเก็ตนั้น จะมีการขยายความยาวรันเวย์เพิ่มจาก 3,000 เมตร เพื่อรองรับเครื่องบินขนาดใหญ่จากยุโรป ซึ่งให้ ทอท.ประสานกับทางจังหวัดภูเก็ตเพื่อดูความเป็นไปได้ในการระเบิดภูเขาด้านหัวรันเวย์ เพื่อขยายความยาวแทนการถมทะเล ซึ่งอาจจะมีปัญหาและความยุ่งยากด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อมโดยตามแผนจะแล้วเสร็จในปี 2557 ขยายขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารเพิ่มจาก 6.5 ล้านคนต่อปี เป็น 12.5 ล้านคนต่อปี

สำหรับการฟื้นฟูท่าอากาศยานดอนเมืองหลังถูกน้ำท่วมนั้น ทอท.รายงานว่า รันเวย์ด้านตะวันตกและอาคารผู้โดยสาร ซึ่งจะรองรับเที่ยวบินเชิงพาณิชย์จะใช้วงเงินฟื้นฟูจำนวน 1,251 ล้านบาทกำหนดแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการได้ในเดือน มี.ค.2555 ส่วนรันเวย์ด้านตะวันออกด้านฝั่งทหารอากาศใช้งบประมาณฟื้นฟู 489.2 ล้านบาทดำเนินการใน 60 วันกำหนดแล้วเสร็จในเดือน ก.พ.2555 โดยใช้งบประมาณของรัฐบาลดำเนินการ

***ลุยแก้ขาดทุน รร.โนโวเทล สุวรรณภูมิ คาด 12 ด.เห็นผล

นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ ประธานคณะกรรมการ บริษัท โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ จำกัด (รทส.) เปิดเผยว่า แนวทางการแก้ปัญหาขาดทุนของโรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ ได้ข้อสรุปเบื้องต้นแล้ว โดยคาดว่าภายหลังการปรับปรุงจะเห็นผลเป็นรูปธรรมภายในเวลา 12 เดือน โดยแบ่งในช่วง 6 เดือนแรก เป็นการปรับปรุงแก้ไขปัญหาต่างๆ ตามแผน และช่วง 6 เดือนหลัง จะเริ่มเห็นผลประกอบการที่ดีขึ้น พร้อมกันนี้ จะเร่งหากรรมการผู้จัดการบริษัทแทนคนเก่าที่ลาออกไป โดยต้องเป็นมืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญด้านการบริหารโรงแรม และต้องกำหนดทิศทางของโรงแรมที่ชัดเจน

ทั้งนี้ ตามแผนจะต้องเร่งแก้ปัญหาใน 4 ประเด็นหลัก คือ 1.ปรับปรุงการทำงานร่วมกันระหว่างบริษัทและผู้รับจ้างบริหาร คือ กลุ่มกิจการร่วมค้ายูนิเวอร์แซลฮอสพิแทลลิพี หรือ ยูเอช กรุ๊ป 2.ปรับปรุงการบันทึกบัญชีและการคิดค่าเสื่อมจากเดิม 25 ปี เป็น 50 ปี ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายและทำให้หนี้สะสมลดลงจาก 800 ล้านบาท เหลือ 600 ล้านบาททันที 3.เจรจากับธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ในการปรับโครงสร้างหนี้ และ 4.เดินหน้าแผนด้านการตลาด เช่น การทำโปรโมชั่นราคาห้องพักพิเศษและประสานกับหน่วยงานราชการหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ, สายการบินต่างๆ ในการจัดสัมมนาและเข้าพัก

นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า หลังจากได้เข้าพบและรับนโยบายจาก นายกิตติศักดิ์ หัตถสงเคราะห์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมแล้ว จะต้องหารือกับผู้ถือหุ้น คือ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.ถือหุ้น 60% บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) 30% และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) 10% เพื่อนำเสนอข้อมูลและแนวทางการแก้ปัญหาร่วมกันเนื่องจากแนวทางการฟื้นฟูบริษัทนั้นบริษัทการบินไทยเห็นชอบ แต่มีข่าวว่า ทอท.ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นไม่เห็นด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น