ธปท.เกาะติดหนี้ภาคครัวเรือนพุ่ง เตรียมจับตาอย่างใกล้ชิดมากขึ้น “ประสาร” ห่วงกลุ่มที่มีรายได้น้อย แต่ต้องได้รับผลกระทบยาวนาน ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ทั้งซ่อมแซมบ้านเรือน รถยนต์ และเครื่องใช้ภายในบ้าน กำชับสถาบันการเงินเข้มงวดบริษัท เอาท์ซอร์ส พร้อมจี้แบงก์พาณิชย์คลายความเข้มติดตามหนี้ หวังช่วยประชาชนลดความเดือดร้อน ลั่นตุนสภาพคล่องเพิ่ม เพื่อหนุนแบงก์ให้กู้ฟื้นฟู
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ขณะนี้ ธปท.อยู่ระหว่างการจับตาระดับหนี้ภาคครัวเรือนอย่างใกล้ชิดมากขึ้น เนื่องจากมีความเป็นไปได้ว่า หลังสถานการณ์น้ำท่วมหนักในครั้งนี้ ระดับหนี้ภาคครัวเรือนของภาคประชาชนจะปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะครัวเรือนที่มีรายได้น้อยอยู่แล้ว แต่กลับได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมซ้ำเติม ซึ่งกระทบต่อทรัพย์สินของครัวเรือนให้ลดลง โดยบางกลุ่มจะต้องนำเงินออมที่สะสมออกมาใช้จ่าย และบางกลุ่มก็ต้องกู้ยืมเงิน เพื่อนำไปซ่อมแซมบ้านเรือน รถยนต์ และอื่นๆ ที่เสียหายจากน้ำท่วมในครั้งนี้
“ช่วงสั้นๆ อาจเป็นไปได้ว่า ระดับหนี้ครัวเรือนอาจจะเพิ่มขึ้นจากปัญหาน้ำท่วม ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องติดตามดูอย่างใกล้ชิด หากเป็นเพียงช่วงระยะสั้นๆ เราก็ต้องช่วยเหลือกันไปก่อน ข้อสำคัญหวังว่าเขาจะมีงานทำ เพื่อให้มีรายได้เข้ามาช่วยเหลือตัวเองบ้าง จะได้มีเงินมาใช้จ่ายได้ต่อไป และเชื่อว่าเขาเหล่านี้จะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นได้”
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ทางผู้ประกอบการ หรือนายจ้างที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติน้ำท่วม ภาคเอกชน สถาบันการเงิน และภาครัฐบาลต่างก็มีมาตรการต่างๆ ออกมาช่วยเหลือผู้ประกอบการให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ระดับหนึ่งแล้ว เพราะหากธุรกิจเหล่านี้สามารถกลับมาฟื้นฟูและดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ก็จะทำให้มีการจ้างงานในระบบได้ต่อไป
นายประสาร กล่าวต่อว่า ในการติดตามทวงถามหนี้จากลูกหนี้ของสถาบันการเงินในระบบยามนี้ สถาบันการเงินควรต้องเข้าไปดูในเรื่องนี้ด้วย โดยที่ผ่านมายอมรับว่า การติดตามทวงหนี้สินของภาคสถาบันการเงิน บางครั้งอาจจะมีความเข้มงวดเกินไป ซึ่ง ธปท.ก็เคยตักเตือนในรายที่ดำเนินการไม่เหมาะสมไปหลายครั้งแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่สถาบันการเงินจะจัดจ้างบริษัทภายนอกที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (เอาท์ซอร์ส) ดำเนินการแทน ทำให้การดูแลอาจทำได้ไม่ทั่วถึงนัก
“จากการพูดคุยร่วมกันกับสมาคมธนาคารไทยในช่วงที่ผ่านมา ทุกธนาคารก็ยินดีให้ความร่วมมืออย่างดี แต่ปัญหาคือ เขาอาจคุมเอาท์ซอร์สไม่อยู่ ซึ่งบริษัทเหล่านี้มีระบบการประเมินผลงานที่เข้มเกินไป เขาก็เลยไปเล่นหนัก เราก็เคยเตือนไปหลายครั้งแล้ว โดยธนาคารต้องเข้าไปควบคุมบริษัทเหล่านี้ด้วย ไม่ใช่แค่ดูเฉพาะภายในหน่วยงานตัวเองเท่านั้น”
รายงานเพิ่มเติมระบุว่า ขณะนี้ ธปท.อยู่ระหว่างทำหนังสือขอความร่วมมือ เพื่อกำชับให้สถาบันการเงินในระบบมีการติดตามทวงถามหนี้จากลูกหนี้อย่างเป็นธรรมและเหมาะสม เพื่อเป็นการดูแลลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบในช่วงที่เกิดปัญหาน้ำท่วม แม้ขณะนี้ยังไม่มีปัญหาเรื่องการร้องเรียนการทวงหนี้อย่างไม่เป็นธรรมจากสถาบันการเงิน แต่ ธปท.ก็ได้มีการเตรียมความพร้อมเพื่อดูแลประชาชนในเรื่องนี้ไว้ ซึ่งคาดว่า ธปท.เตรียมออกประกาศใช้เร็วๆ นี้
นายประสาร กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ธนาคารพาณิชย์มีสินทรัพย์สภาพคล่องทั้งสิ้น 2 ล้านล้านบาท ส่วนสภาพคล่องที่ ธปท.ดูแลอยู่มีจำนวนสูงถึง 4.7 ล้านล้านบาท ขณะเดียวกัน ยังมีทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูงและมีความมั่นคงน่าจะเพียงพอสำหรับการปล่อยกู้ของภาคสถาบันการเงินในระยะต่อไปที่คาดว่าจะมีความต้องการเพื่อใช้สำหรับซ่อมแซมที่อยู่อาศัยและโรงงานที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม หรือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการเริ่มเข้าสู่กระบวนการผลิตปกติหลังจากสถานการณ์น้ำคลี่คลายลง
สำหรับแนวโน้มในระยะต่อไป ธนาคารพาณิชย์จะมีการปรับดอกเบี้ยลงอีกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ยในตลาดเงิน การปล่อยกู้ และเงินฝากหรือสภาพคล่องของธนาคารเอง ทั้งนี้ ธปท.ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยปี2555 จะมีแรงขับเคลื่อนจากอุปสงค์ในประเทศเป็นหลัก ทั้งจากการลงทุน และการอุปโภคบริโภค ที่มีโอกาสจะกลับมาเร่งตัวขึ้นทดแทนส่วนที่เสียหายไปในช่วงปลายปี 2554