พิษน้ำท่วมครั้งใหญ่ ฉุดดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตฯ เดือน ต.ค.ลดแตะระดับ 89 ต่ำสุดในรอบ 26 เดือน ภาคการผลิตเสียหายอย่างรุนแรง หวั่นกระทบเป็นลูกโซ่ ทั้งการจ้างงาน และการบริโภคหดตัว รวมถึงความเชื่อมั่นภาครัฐในการแก้ปัญหา และรับมือเหตุภัยพิบัติร้ายแรง
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมประจำเดือนตุลาคม 2554 โดยพบว่า ค่าดัชนีอยู่ที่ระดับ 89.0 ปรับลดลงจาก 90.7 ในเดือนกันยายน 2554 ลดลงต่ำสุดในรอบ 26 เดือน ซึ่งเป็นผลจากวิกฤตน้ำท่วม ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในวงกว้าง
สำหรับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่สำคัญ ซึ่งมีภาคการผลิตที่เกิดความเสียหายอย่างรุนแรง โดยเฉพาะนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ 7 แห่ง ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดปทุมธานี และบริเวณพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งเป็นแหล่งผลิตของอุตสาหกรรมสำคัญ เช่น ยานยนต์ ชิ้นส่วน ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น
นอกจากนี้ อุทกภัยครั้งใหญ่ยังได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมต่อเนื่อง ที่ต้องหยุดการผลิต เนื่องจากขาดแคลนชิ้นส่วนในการผลิต กระทบต่อการจ้างงาน และรายได้ของผู้ใช้แรงงาน ซึ่งสะท้อนถึงการบริโภคภายในประเทศที่ชะลอตัวลง
ขณะเดียวกัน น้ำที่ท่วมขังบนถนนหลักหลายสาย ส่งผลให้การขนส่งสินค้าเป็นไปด้วยความล่าช้า หรือไม่สามารถขนส่งสินค้าได้ ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการดำรงชีพในช่วงน้ำท่วม ทั้งนี้ ผู้ประกอบการยังมีความกังวลในเรื่องการฟื้นฟูอุตสาหกรรมที่เสียหายรวมถึงการขาดแคลนวัตถุดิบ และมีแนวโน้มราคาสูงขึ้นหลังจากภาวะน้ำท่วมคลี่คลาย สำหรับค่าดัชนีที่ปรับตัวลดลง และอยู่ในระดับต่ำกว่า 100 นั้น แสดงให้เห็นว่า ผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นต่อการประกอบการในระดับที่ไม่ดี
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นฯคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 101.3 เพิ่มขึ้นจาก 94.0 ในเดือนกันยายน 2554 เนื่องจากผู้ประกอบการคาดว่า ภายหลังจากสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลายและเข้าสู่ภาวะปกติ จะอยู่ในช่วงฟื้นฟูการผลิต และภาคครัวเรือน ทำให้ต้องมีความต้องการสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น
สำหรับข้อเสนอแนะของผู้ประกอบการส่วนใหญ่มีความเห็นสอดคล้องกันว่า ภาครัฐควรเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนเกี่ยวกับมาตรการป้องกันน้ำท่วมในอนาคต ชะลอการปรับขึ้นค่าจ้าง 300 บาทต่อวัน เร่งฟื้นฟูช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม แก้ปัญหาแรงงานขาด จัดหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ รวมทั้งแก้ปัญหาวัตถุดิบขาดแคลน และมีราคาสูง
