xs
xsm
sm
md
lg

ทิสโก้ปรับลดเป้าหุ้นไทยลงเหลือ 1,000 – 1,080 จุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

TISCO WEALTH โดยธนาคารทิสโก้ เปิดเผยรายงานแนวโน้มตลาดหุ้นไทยว่า เดือนตุลาคมที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวผันผวนอย่างมาก จากเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ทั้งภายในและภายนอกประเทศ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับลดลงต่ำกว่า 900 จุด ในสัปดาห์แรกของเดือน จากแรงเทขายของนักลงทุนต่างชาติที่กังวลต่อปัญหาหนี้สาธารณะของยุโรปที่ยังคงลุกลามและไม่มีแนวทางแก้ไขที่ชัดเจน รวมถึงแรงเทขายของนักลงทุนรายย่อยในประเทศ จากการทำ Short selling เพื่อเก็งกำไรในระยะสั้น



อย่างไรก็ตาม ในช่วงสัปดาห์ที่ 2 – 3 นักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาซื้อสุทธิในตลาดเอเชียอย่างต่อเนื่อง เมื่อเริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวกเกี่ยวกับแนวทางแก้ไขปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป จากเยอรมันและฝรั่งเศสที่อนุมัติเงินช่วยเหลือเข้ากองทุน ESFS และด้วยปัจจัยสนับสนุนด้านมูลค่าพื้นฐานของตลาดหุ้นเอเชียที่ถูกมาก รวมถึงแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจของเอเชียที่แข็งแกร่ง ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือน มีแรงเทขายจากนักลงทุนต่างชาติอีกครั้ง เมื่อสถานการณ์ของยุโรปกลับมาดูคลุมเครือ รวมถึงปริมาณการลงทุนภายในประเทศที่เบาบาง จากปัญหาอุทกภัยขั้นรุงแรงทำให้ ดัชนีฯ แกว่งตัวในกรอบ 910 – 950 จุด

สำหรับมุมมองของ TISCO WEALTH ต่อสถานการณ์โดยรวมในช่วงนี้ เห็นว่ายังอยู่ในภาวะความวิตกกังวลของนักลงทุน ดัชนีฯ แกว่งตัวขึ้นลงตามสถานการณ์รายวัน สาเหตุหลักมาจากแนวทางแก้ไขปัญหาหนี้สาธารณะของยุโรปที่ยังไม่แล้วเสร็จ และปัญหาอุทกภัยรุนแรงภายในประเทศ รวมถึงปัจจัยเสี่ยงจากสหรัฐฯ เกี่ยวกับแผนดำเนินนโยบายการคลัง (Fiscal Plan) ในเดือนธันวาคม TISCO WEALTH ปรับลด SET Target ปี 2011 มาอยู่ที่ระดับ 1,000 – 1,080 จุด จากการปรับลด Market EPS ที่สะท้อนการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และผลจากปัญหาอุทกภัยรุนแรงของไทย ซึ่งกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในไตรมาสที่ 4/2011 อย่างไรก็ตาม TISCO WEALTH ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทย ด้วยปัจจัยสนับสนุนด้านมูลค่าพื้นฐานที่ถูก การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศที่แข็งแกร่ง รวมถึงอัตราการเติบโตของธุรกิจที่ยังคงขยายตัวได้ดีในปีหน้า หลังน้ำลด แนะนำทยอยเข้าลงทุน เมื่อดัชนีฯ ปรับฐานลงระดับประมาณ 900 จุด

ทั้งนี้ ปัจจัยสนับสนุนการลงทุนในตลาดหุ้นไทย คือ

1. เศรษฐกิจของไทยที่ยังคงขยายตัวได้ดี : แม้จะมีปัญหาอุทกภัยรุนแรงเกิดขึ้น ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ แต่ TISCO WEALTH มองว่าผลกระทบเชิงลบจะจำกัดอยู่ในไตรมาสที่ 4/2011 เท่านั้น โดยผลจากการเกิดอุทกภัยจะกระทบโดยตรงต่อการลงทุนภาคเอกชน การนำเข้า และการส่งออก ซึ่งคิดเป็นประมาณ 40% ของ GDP แต่ในส่วนการบริโภคของภาคเอกชนที่คิดเป็น 60% ของ GDP นั้น ยังคงมีอยู่ จากการที่ประชาชนยังคงต้องบริโภคแม้อยู่ในภาวะน้ำท่วม รวมถึงการบริโภคเพิ่มเติมจากการกักตุนเสบียง และเพื่อการบริจาค สำนักวิจัยทิสโก้ ได้ประเมินผลของอุทกภัยในเบื้องต้นต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ แม้กำหนดให้ GDP ในไตรมาสที่ 4/2011 หดตัว GDP ปี 2011 จะยังเติบโตอยู่ที่ 2.6%

2. การกระตุ้นการบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชนจากนโยบายรัฐ ที่จะเห็นผลเต็มที่ตั้งแต่ไตรมาสที่ 1/2012 เป็นต้นไป รวมถึงการซ่อมแซมและการฟื้นฟูหลังจากปัญหาอุทกภัยผ่านพ้นไป โดยกลุ่มอุตสาหกรรมหลักที่จะได้รับผลบวก ยังคงเป็นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคภายในประเทศ (Domestic sector) เช่น ค้าปลีก อสังหาริมทรัพย์ ก่อสร้าง ธนาคารพาณิชย์ เป็นต้น ทั้งนี้ สำนักวิจัยทิสโก้ ได้ประเมินกลุ่มธุรกิจที่จะได้รับประโยชน์จากการฟื้นฟูภายหลังจากเหตุการณ์อุทกภัย

3. การขยายตัวของกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนของไทย : แม้จะมีการปรับลดการขยายตัวของกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนในทวีป Asia Pacific ex Japan ลง ตามแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก แต่การขยายตัวของกำไรสุทธิของธุรกิจยังคงอยู่ในระดับสูง โดย EPS growth 2011 คาดการณ์ของไทยอยู่ที่ระดับ 18% (ปรับลดลงจาก 21%)
กำลังโหลดความคิดเห็น