“คอลลิเออร์สฯ” บริษัทที่ปรึกษาระดับชั้นนำของโลก ประเมินน้ำท่วมใหญ่ในไทยกระทบต่อการเปิดโครงการที่อยู่อาศัย ชี้ ผู้ซื้อจะระมัดระวังการตัดสินใจเลือกโครงการจัดสรร คอนโดมิเนียม เลี่ยงพื้นที่น้ำท่วม เผยพฤติกรรมของกลุ่มผู้มีรายได้สูง จะมองหาบ้านหลังที่สอง รองรับความเสี่ยง คาดเมืองท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพฯจะได้รับความนิยม
นายปฏิมา จีระแพทย์ กรรมการผู้จัดการของคอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ กล่าวว่า ปัญหาน้ำท่วมในกรุงเทพฯ และความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับความเสี่ยงต่อน้ำท่วมของบริเวณกรุงเทพฯชั้นใน ทำให้ยากต่อการประเมินสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยช่วงหลังน้ำลด แม้ว่าจะอยู่สถานการณ์ที่ดีที่สุดก็ตาม ซึ่งตลอดช่วงเวลาที่เหลือของไตรมาส การเปิดตัวโครงการที่พักอาศัยคงจะค่อนข้างเงียบตามสภาวะความรู้สึกของตลาดและปัญหาด้านการเดินทาง สถานการณ์จะไม่เหมือนกับช่วงหลังเกิดเหตุการณ์ในวันที่ 17 พฤษภาคม 2553 ซึ่งผู้ซื้อกระโดดเข้าสู่ตลาดในทันที เพราะหลายคนคงจะระมัดระวังมากขึ้นเกี่ยวกับการตัดสินใจครั้งใหญ่ อย่างการซื้ออสังหาริมทรัพย์จนกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะยุติลง และมีการวิเคราะห์ผลที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้
“รายละเอียดทั้งหมดต้องถูกเปิดเผยก่อนที่ผู้ซื้อจะเร่งหวนคืนสู่ตลาด และเจ้าของโครงการเองก็จำเป็นต้องประเมินโครงการต่างๆ ใหม่” นายปฏิมา กล่าวและวิเคราะห์ว่า
การตัดสินใจเลือกซื้อระหว่างบ้านพร้อมที่ดินกับคอนโดมิเนียมสูง อย่างหลังน่าจะได้เปรียบมากกว่าเมื่อคำนึงถึงปัจจัยเรื่องน้ำท่วม แต่ถึงแม้จะเป็นที่พักอาศัยในอาคารสูง ประชาชนก็ยังต้องพิจารณาว่าทำเลไหนเสี่ยงต่อน้ำท่วมน้อยกว่า
“แม้ว่าที่อยู่อาศัยบนอาคารสูงจะไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม แต่ก็คงไม่อยากอยู่ในบริเวณที่มีน้ำท่วมนานหลายสัปดาห์” นายปฏิมา กล่าว
นายโทนี พิคอน กล่าวเสริมว่า เมื่อผู้ซื้อหวนคืนสู่ตลาดหลังจากชะลอไปนาน น่าจะทำให้อุปสงค์ที่อั้นไว้เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้มีการเปิดตัวโครงการต่างๆ ตามมาอีกหลายโครงการ ความนิยมในคอนโดมิเนียมนั้นจะเพิ่มสูงขึ้นกว่าเมื่อครั้งที่ยังไม่เกิดอุทกภัย
“เราสังเกตเห็นว่า ณ ขณะนี้ มีจำนวนผู้สูงอายุและเด็กมาพักอาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลจากเจ้าของห้องชุดหลายคนได้ใช้ห้องพักเป็นที่พักอาศัยชั่วคราวสำหรับครอบครัวขยายของพวกเขา” นายโทนี กล่าว
นายมนต์ชัย อรวงศ์ไพศาล ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายขายโครงการที่พักอาศัย กล่าวถึงกลุ่มผู้มีรายได้สูงว่า อาจจะเริ่มมองหาและซื้อบ้านหลังที่สองในบริเวณสถานที่พักตากอากาศอย่างหัวหินหรือพัทยาเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งอาจไม่ใช่สำหรับการพักผ่อนในช่วงสุดสัปดาห์เพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นที่พักอาศัยสำรองด้วย โดยจะเห็นความเคลื่อนไหวอย่างมีนัยสำคัญของตลาดในช่วงครึ่งแรกของปี 55 ซึ่งแนวโน้มจะอยู่ที่หัวหิน พัทยาและสถานที่ตากอากาศใกล้กรุงเทพฯ
นายปฏิมา จีระแพทย์ กรรมการผู้จัดการของคอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ กล่าวว่า ปัญหาน้ำท่วมในกรุงเทพฯ และความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับความเสี่ยงต่อน้ำท่วมของบริเวณกรุงเทพฯชั้นใน ทำให้ยากต่อการประเมินสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยช่วงหลังน้ำลด แม้ว่าจะอยู่สถานการณ์ที่ดีที่สุดก็ตาม ซึ่งตลอดช่วงเวลาที่เหลือของไตรมาส การเปิดตัวโครงการที่พักอาศัยคงจะค่อนข้างเงียบตามสภาวะความรู้สึกของตลาดและปัญหาด้านการเดินทาง สถานการณ์จะไม่เหมือนกับช่วงหลังเกิดเหตุการณ์ในวันที่ 17 พฤษภาคม 2553 ซึ่งผู้ซื้อกระโดดเข้าสู่ตลาดในทันที เพราะหลายคนคงจะระมัดระวังมากขึ้นเกี่ยวกับการตัดสินใจครั้งใหญ่ อย่างการซื้ออสังหาริมทรัพย์จนกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะยุติลง และมีการวิเคราะห์ผลที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้
“รายละเอียดทั้งหมดต้องถูกเปิดเผยก่อนที่ผู้ซื้อจะเร่งหวนคืนสู่ตลาด และเจ้าของโครงการเองก็จำเป็นต้องประเมินโครงการต่างๆ ใหม่” นายปฏิมา กล่าวและวิเคราะห์ว่า
การตัดสินใจเลือกซื้อระหว่างบ้านพร้อมที่ดินกับคอนโดมิเนียมสูง อย่างหลังน่าจะได้เปรียบมากกว่าเมื่อคำนึงถึงปัจจัยเรื่องน้ำท่วม แต่ถึงแม้จะเป็นที่พักอาศัยในอาคารสูง ประชาชนก็ยังต้องพิจารณาว่าทำเลไหนเสี่ยงต่อน้ำท่วมน้อยกว่า
“แม้ว่าที่อยู่อาศัยบนอาคารสูงจะไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม แต่ก็คงไม่อยากอยู่ในบริเวณที่มีน้ำท่วมนานหลายสัปดาห์” นายปฏิมา กล่าว
นายโทนี พิคอน กล่าวเสริมว่า เมื่อผู้ซื้อหวนคืนสู่ตลาดหลังจากชะลอไปนาน น่าจะทำให้อุปสงค์ที่อั้นไว้เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้มีการเปิดตัวโครงการต่างๆ ตามมาอีกหลายโครงการ ความนิยมในคอนโดมิเนียมนั้นจะเพิ่มสูงขึ้นกว่าเมื่อครั้งที่ยังไม่เกิดอุทกภัย
“เราสังเกตเห็นว่า ณ ขณะนี้ มีจำนวนผู้สูงอายุและเด็กมาพักอาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลจากเจ้าของห้องชุดหลายคนได้ใช้ห้องพักเป็นที่พักอาศัยชั่วคราวสำหรับครอบครัวขยายของพวกเขา” นายโทนี กล่าว
นายมนต์ชัย อรวงศ์ไพศาล ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายขายโครงการที่พักอาศัย กล่าวถึงกลุ่มผู้มีรายได้สูงว่า อาจจะเริ่มมองหาและซื้อบ้านหลังที่สองในบริเวณสถานที่พักตากอากาศอย่างหัวหินหรือพัทยาเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งอาจไม่ใช่สำหรับการพักผ่อนในช่วงสุดสัปดาห์เพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นที่พักอาศัยสำรองด้วย โดยจะเห็นความเคลื่อนไหวอย่างมีนัยสำคัญของตลาดในช่วงครึ่งแรกของปี 55 ซึ่งแนวโน้มจะอยู่ที่หัวหิน พัทยาและสถานที่ตากอากาศใกล้กรุงเทพฯ