xs
xsm
sm
md
lg

หอการค้าฯ ตั้ง คกก.เฉพาะกิจ ดูแลวิกฤตน้ำท่วม คาด “จีดีพี” วูบ 1.3-1.5%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หอการค้าฯ แต่งตั้ง คกก.เฉพาะกิจ ติดตามสถานการณ์สำคัญ ห่วงวิกฤตอุทกภัย ฉุดตัวเลข “จีดีพี” ไตรมาส 4 ปีนี้ ต่อเนื่องไตรมาส 1 ปีหน้า ขณะที่ศูนย์พยากรณ์ ศก.คาดฉุด “จีดีพี” ลดลง 1.3-1.5% เสียหาย 1.56 แสนล้าน ความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงต่อเนื่อง

นายพงษ์ศักดิ์ อัสสกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) หอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2554 ที่ผ่านมา บอร์ดได้มีมติเห็นชอบให้แต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจ (Ad hoc Committee) เพื่อเป็นกลไกติดตามความเคลื่อนไหวของปัญหาและพิจารณาหามาตรการแก้ไข หรือบรรเทาปัญหาจากเหตุการณ์สำคัญทั้งในและนอกประเทศ รวมทั้งจัดเตรียมข้อมูลสำหรับการเข้าพบนายกรัฐมนตรีในการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) ครั้งต่อไป

“ที่ประชุม เห็นว่า ปัจจุบันประเทศไทยต้องประสบกับเหตุการณ์ที่สำคัญ ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชน ตลอดจนผู้ประกอบการโดยส่วนรวม และอาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัวในไตรมาสที่ 4 ของปี 2554 ต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาสที่ 1 ของปี 2555”

โดยคณะกรรมการดังกล่าว ประกอบด้วย 1.คณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อดูแลมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจภายหลังน้ำท่วม โดยมี นายสมเกียรติ อนุราษฎร์ รองประธาน เป็นประธาน 2.คณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อดูแลปัญหาการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาและปัญหาหนี้สาธารณะของกลุ่มประเทศ EU โดยมี นายฉัตรชัย บุญรัตน์ รองประธาน เป็นประธาน

3.คณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อดูแลโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งดูแลทั้งในด้านนโยบายและความเสี่ยงต่อปัญหาการทุจริต โดยมี นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานกิตติมศักดิ์ เป็นประธาน และ 4.คณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อดูแลปัญหาค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 300 บาท โดยมี นายภูมินทร์ หะรินสุต รองประธาน เป็นประธาน

ด้าน นายสมเกียรติ อนุราษฎร์ รองประธาน กล่าวว่า เมื่อวานนี้ได้มีการประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อดูแลมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจภายหลังน้ำท่วมขึ้น เพื่อพิจารณาแนวทาง มาตรการ และกรอบการดำเนินงาน ซึ่งที่ประชุมมีข้อสรุปกรอบแนวทางการดำเนินงานใน 4 เรื่อง ได้แก่ 1.การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย โดยมี นางศิรินา ปวโรฬารวิทยา กรรมการปฏิคม เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบหลัก โดยนับตั้งแต่ต้นปีที่เกิดอุทกภัยขึ้นในภาคใต้จนถึงปัจจุบัน หอการค้าไทยได้รวบรวมเงินที่ได้รับการบริจาคจากสมาชิกและเครือข่าย โดยได้ให้การสนับสนุนเงินช่วยเหลือผ่านหอการค้าจังหวัดที่เกิดน้ำท่วมเป็นการเร่งด่วน รวมทั้งสิ้น 40 จังหวัด จังหวัดละ 50,000 บาท รวมทั้งได้จุดประกายให้หอการค้าจังหวัดเหล่านี้ได้ระดมความช่วยเหลือเพิ่มเติมจากสมาชิกและประชาชนในจังหวัด ซึ่งรวมแล้วเป็นเงินกว่า 15 ล้านบาท และขณะนี้ก็ยังมีการระดมความช่วยเหลือเพิ่มเติมอยู่

2.การเยียวยาให้กับผู้ประสบอุทกภัย และ 3.การฟื้นฟูเศรษฐกิจภายหลังน้ำท่วม โดยมีตนเองเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบหลัก และ 4.การวางแผนแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในระยะยาว เพื่อบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมี นายฉัตรชัย บุญรัตน์ และนายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล รองประธานฯ เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ

นายฉัตรชัย บุญรัตน์ รองประธาน กล่าวว่า หอการค้าไทยจะนำคณะทำงานที่รับผิดชอบในเรื่องการวางแผนดังกล่าวเดินทางไปศึกษาดูงานที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ตามคำแนะนำของประธานคนใหม่ ในเร็วๆ นี้ ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถนำมาใช้เป็นแนวทางในการบริหารจัดการน้ำของประเทศไทยได้เป็นอย่างดี

ขณะที่ นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า กรรมการที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลรับผิดชอบทั้ง 4 เรื่องนี้จะทำงานประสานข้อมูลต่างๆ กับคณะทำงานของรัฐบาลที่มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ดูแลในแต่ละเรื่อง นอกจากนั้น หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ยังได้จัดตั้ง War Room ขึ้นในหน่วยงาน เพื่อให้เป็นศูนย์กลางของภาคเอกชนในการรวบรวมข้อมูล ติดตามสถานการณ์ และประสานความร่วมมือจากเครือข่าย เช่น หอการค้าจังหวัดทั่วประเทศ สมาคมการค้า 115 สมาคม ในการให้ความช่วยเหลือกับสมาชิก ผู้ประกอบการ และประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค โดยมี นายวิชัย อัศรัสกร กรรมการเลขาธิการ เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ

นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย และ นายธนวรรน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า เผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวมในเดือนกันยายน 2554 ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 จาก 83.4 ในเดือนสิงหาคม 2554 เหลือ 81.8 ในเดือนกันยายน 2554 เนื่องจากปัญหาน้ำท่วมและความผันผวนของเศรษฐกิจโลก

ส่วนปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้น คาดว่า จะกระทบต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ 1.3-1.5% สร้างความเสียหายต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) มูลค่า 156,719 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น