xs
xsm
sm
md
lg

ไฟเขียวกู้หมื่นล้านอุดกองทุนน้ำมันฯ บัตรเครดิตพลังงานลุ้นใช้ปีหน้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บอร์ด กพช. ไฟเขียวกู้หมื่นล้านอุดกองทุนน้ำมันฯ พร้อมเห็นชอบตรึงราคาก๊าซ "แอลพีจี" ภาคครัวเรือนถึงสิ้นปีหน้า ส่วนภาคขนส่ง ตรึงให้แค่ต้นปีหน้า เพื่อรอให้โครงการ "บัตรเครดิต" คลอดออกมาก่อน ด้านราคาน้ำมันดีเซลขยับขึ้น 50 สตางค์

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) โดยระบุว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบแนวทางการปรับโครงสร้างราคาพลังงานทั้งระบบ โดยยังตรึงราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ภาคครัวเรือนต่อไปถึงสิ้นปี 2555 ส่วนแอลพีจีภาคขนส่ง

ส่วนก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี) ตรึงราคาจนถึง 15 มกราคม 2555 เพื่อรอมาตรการบัตรเครดิตพลังงาน โดยจะปรับราคาขายปลีกแอลพีจีขึ้นเดือนละ 0.41 บาทต่อลิตร และเอ็นจีวีปรับขึ้นเดือนละ 0.50 บาทต่อกิโลกรัม ขณะเดียวกันเตรียมเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับก๊าซแอลพีจีที่ใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี 1 บาทต่อกิโลกรัม ตั้งแต่ 1 มกรมคม 2555 เป็นต้นไป พร้อมทยอยเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ จากเบนซิน แก๊สโซฮอล์ และดีเซล ตั้งแต่ 16 มกราคม 2555 เป็นต้นไป

สำหรับรายละเอียดในส่วนของแนวทางการปรับโครงสร้างราคาก๊าซแอลพีจีนั้น นายพิชัย ระบุว่า ภาคครัวเรือนจะขยายระยะเวลาการตรึงราคาขายปลีกที่ 18.13 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งจะสิ้นสุดเดือนกันยายน 2554 ไปจนถึงสิ้นปี 2555 ภาคขนส่ง ขยายระยะเวลาตรึงราคาขายปลีกไปจนถึง 15 มกราคม 2555 เพื่อรอมาตรการบัตรเครดิตพลังงาน และเริ่มปรับขึ้นราคาขายปลีกเพิ่มเดือนละ 0.41 บาทต่อลิตร ตั้งแต่ 16 มกราคม 2555

ส่วนแอลพีจี ภาคอุตสาหกรรมปิโตรเคมี จะกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง สำหรับก๊าซแอลพีจีที่ใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี 1 บาทต่อกิโลกรัม ตั้งแต่ 1 มกราคม 55 เป็นต้นไป เพื่อเป็นการลดภาระกองทุนน้ำมันฯ จากการชดเชยการนำเข้าก๊าซแอลพีจีจากต่างประเทศ ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากการขยายตัวของการใช้ก๊าซในภาคอุตสาหกรรมปิโตรเคมี

สำหรับเอ็นจีวีจะตรึงราคาในระดับ 8.50 บาทต่อกิโลกรัม และคงอัตราเงินชดเชยในอัตรา 2 บาทต่อกิโลกรัม ต่อไปตั้งแต่ 1 ตุลาคม 54 จนถึง 15 มกราคม 2555 เพื่อเตรียมความพร้อมเรื่องบัตรเครดิตพลังงานและการปรับเปลี่ยนรถแท็กซี่แอลพีจีเป็น เอ็นจีวี และทยอยปรับขึ้นราคาขายปลีกเอ็นจีวีเดือนละ 0.50 บาทต่อกิโลกรัม ตั้งแต่ 16 มกราคม - ธันวาคม 2555 เพื่อไม่ให้กระทบผู้ใช้เอ็นจีวีมากเกินไป และทยอยปรับลดอัตราเงินชดเชยก๊าซเอ็นจีวีลงเดือนละ 0.50 บาทต่อกิโลกรัม จำนวน 4 ครั้ง ตั้งแต่ 16 มกราคม - เมษายน 2555 ซึ่ง

ปัจจุบันมีการชดเชยจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 2 บาทต่อกิโลกรัม และที่ประชุม กพช.ได้มอบหมายให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ไปพิจารณาแนวทางการช่วยเหลือกลุ่มรถโดยสารสาธารณะ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากแนวทางการปรับขึ้นราคาก๊าซเอ็นจีวี

นายพิชัย กล่าวว่า ส่วนแนวทางการปรับราคาน้ำมันเชื้อเพลิง จะปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเบนซิน และน้ำมันแก๊สโซฮอล์เดือนละ 1บาทต่อลิตร ตั้งแต่ 16 มกราคม 55 เป็นต้นไป ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลหมุนเร็วอัตรา 0.60 บาทต่อลิตร ตั้งแต่ 16 มกราคม 55 เป็นต้นไป โดยมอบให้ กบง.พิจารณาระยะเวลาการส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ตามความเหมาะสม

“หากดำเนินการปรับโครงสร้างราคาก๊าซแอลพีจี ก๊าซเอ็นจีวี และแนวทางปรับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงดังกล่าวจะทำให้ฐานะกองทุนน้ำมันฯ สุทธิ ณ สิ้นปี 55 อยู่ที่ 3,877 ล้านบาท และ กพช.ยังเห็นชอบแนวทางการจัดหาเงินให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง โดยการกู้ยืมเงินสถาบันการเงิน วงเงินประมาณ 10,000 ล้านบาท หากรัฐบาลมีการกำหนดหรือเปลี่ยนแปลงนโยบายใด ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อฐานะการเงินของกองทุนน้ำมันฯ กพช.จะประสานกับหน่วยงานรัฐบาลเพื่อให้มีมาตรการคุ้มครองเจ้าหนี้ให้ได้รับชำระหนี้อย่างครบถ้วนตามกำหนดเวลา”

ส่วนแนวทางการยกเลิกการจำหน่ายเบนซิน 91 ซึ่งกระทรวงพลังงานเสนอให้ยกเลิกในเดือน ตุลาคม 2555 นั้น นายพิชัยกล่าวว่า ยังไม่มีการยกเลิกแต่อย่างใด โดยที่ประชุมให้นำกลับไปหารือในรายละเอียดก่อน

ที่ประชุมยังเห็นชอบแนวทางการจัดหาเงินให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง โดยการกู้ยืมเงินสถาบันการเงิน วงเงิน 10,000 ล้านบาท ระยะเวลาประมาณ 1 ปี โดยให้สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) หรือ สบพน.ขอขยายเวลาการชำระหนี้คืนได้ตามความจำนงและเหมาะสม หากกรณีกองทุนน้ำมันมีสภาพคล่อง คงเหลือไม่เพียงพอต่อการชำระหนี้และวงเงินสินเชื่อเป็นวงเงินที่สถาบันการเงินรับรอง การเบิกจ่ายได้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามหากรัฐมนตรีมีการกำหนดหรือเปลี่ยนแปลงนโยบายใดๆที่อาจส่งผลกระทบต่อฐานะการเงินของการกองทุนน้ำมัน หรือความสามารถในกรชำระหนี้ของ สบพน.ซึ่ง กพช.จะประสานกับหน่วยงานรัฐบาลให้มีมาตรการคุ้มครองเจ้าหนี้เพื่อให้ได้ชำระหนี้ตามกำหนดเวลา

รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลลิตรละ 50 สตางค์ มีผลตั้งแต่เวลา 05.00 น. เช้าวันนี้ ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันของ ปตท. และบางจาก เป็นดังนี้ เบนซิน 91 ลิตรละ 35.37 บาท แก๊สโซฮอล์ 91 ลิตรละ 32.34 บาท แก๊สโซฮอล์ 95 ลิตรละ 35.37 บาท แก๊สโซฮอล์ E20 ลิตรละ 31.34 บาท แก๊สโซฮอล์ E85 ลิตรละ 21.32 บาท และดีเซล ลิตรละ 27.99 บาท
กำลังโหลดความคิดเห็น