ผู้ว่าการ ร.ฟ.ท.ใส่เกียร์เดินหน้า “มักกะสันคอมเพล็กซ์” เผยงบลงทุนกว่า 3 แสนล้าน บนพื้นที่เกือบ 500 ไร่ แย้มราคาประเมินที่ดิน ตร.ว.ละ 1.5 แสนบาท มั่นใจเพิ่มรายได้ให้ ร.ฟ.ท.เป็นกอบเป็นกำ ระบุ รูปแบบการลงทุน 3 แนวทาง แต่อาจเคาะให้เอกชนเข้ามาสัมปทานยาว 34 ปี
นายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า หลังจากที่กระทรวงคมนาคมได้มีนโยบายจะพัฒนาที่ดินย่านมักกะสันของ ร.ฟ.ท.โดยการนำผลศึกษาโครงการพัฒนาที่ดินย่านมักกะสันของการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ “มักกะสันคอมเพล็กซ์” มาเร่งรัดดำเนินการ เพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่ ร.ฟ.ท.และแก้ปัญหาผู้ใช้บริการโครงการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์นั้น ในส่วนนี้ ร.ฟ.ท.มีผลศึกษาในโครงการดังกล่าวแล้ว และพร้อมที่จะเดินหน้าโครงการดังกล่าวทันที โดยจากผลศึกษามั่นใจว่าจะช่วยการพัฒนาที่ดินดังกล่าว ซึ่งจะสร้างผลตอบแทนกลับคืนให้ ร.ฟ.ท.หลายหมื่นล้านบาท และมั่นใจว่าจะสามารถดึงดูดให้มีผลใช้บริการแอร์พอร์ตลิงค์เพิ่มขึ้นอีกมาก
สำหรับผลการศึกษาโครงการมักกะสันคอมเพล็กซ์ ที่บริษัทที่ปรึกษาได้ดำเนินการไว้ในอดีตนั้น โครงการจะมีเนื้อที่หลังจากหักการใช้ประโยชน์ในโครงการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ ซึ่งใช้เนื้อที่ประมาณ 28 ไร่ โครงการมักกะสันคอมเพล็กซ์จะมีเนื้อที่ใช้ประโยชน์รวม 497.11 ไร่ โดยบริษัทที่ปรึกษาได้ประเมินราคาที่ดินผืนดังกล่าว ซึ่งมีมูลค่า 150,000 บาทต่อตารางวา ทำให้เมื่อมีการลงทุนคอมเพล็กซ์แบบครบวงจร เชื่อว่า มูลค่าโครงการขณะนี้จะมีมากกว่า 300,000 ล้านบาท โดยโครงการจะแบ่งพื้นที่การพัฒนาออกเป็น 4 โซน ประกอบด้วย โครงการพื้นที่เชิงพาณิชย์ โครงการศูนย์จัดแสดงสินค้า โครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ และโครงการอาคารสำนักงานให้เช่า โรงแรม เซอร์วิส อพาร์ตเมนต์
ทั้งนี้ รูปแบบการลงทุนในโครงการ จะมีอยู่ 3 แนวทาง คือ การเปิดพื้นที่ให้เอกชนเข้ามาสัมปทานเช่าเป็นระยะเวลา 34 ปี ซึ่งแนวทางนี้มีข้อดี คือ ร.ฟ.ท.จะมีรายได้จากโครงการแน่นอน 2.จัดการเป็นโครงการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน โดย ร.ฟ.ท.เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ซึ่งแนวทางนี้แม้จะให้ผลตอบแทนมากกว่าแนวทางแรก แต่ ร.ฟ.ท.ก็ต้องมีความเสี่ยงร่วมกับผู้ลงทุน และแนวทางสุดท้าย คือ การจัดตั้งบริษัทลูกของ ร.ฟ.ท.ขึ้นมาดำเนินการ ซึ่งขณะนี้แนวทางที่จะมีการให้เช่า หรือสัมปทานพื้นที่ให้เอกชนเข้ามาลงทุน ถือว่ามีความเป็นไปได้มากที่สุด
“ยอมรับว่า เมื่อมีการศึกษาโครงการลงทุนมักกะสันคอมเพล็กซ์ไว้ในอดีต ก็ได้มีนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ ให้ความสนใจลงทุนในโครงการนี้ เพราะเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพ และให้ผลตอบแทนการลงทุนคุ้มค่า” นายยุทธนา กล่าว
ส่วนขั้นตอนในการดำเนินการนั้น หากคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบในการดำเนินโครงการ ก็คาดว่าจะใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ปี ในการรื้อย้ายศูนย์ซ่อมบำรุงที่มักกะสันไปยังพื้นที่อื่น ซึ่ง ร.ฟ.ท.ได้มองพื้นที่ทดแทนไว้แล้ว เช่นที่ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี
