“ชัจจ์” สั่ง ร.ฟ.ท.รื้อแผนปรับปรุง 1.76 แสนล้านบาท เบรกลงทุนราง 1 เมตร และจัดซื้อรถจักรใหม่ เปลี่ยนเป้าลงทุนรางขนาด 1.435 เร่งรถไฟความเร็วสูงศึกษาใน 6 เดือน ลั่นงบไม่พอใช้ บาร์เตอร์เทรดช่วย
พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ทำการศึกษาแผนงบประมาณ 1.76 แสนล้านบาทใหม่ เนื่องจากแผนเดิมที่นำเสนอนั้น ไม่ตรงกับแนวความคิดของรัฐบาลในการพัฒนารถไฟให้มีประสิทธิภาพในอนาคต ซึ่งจะเน้นไปที่โครงการรถไฟความเร็วสูง เพิ่มความเร็วเป็น 200-250 กม./ชม.ใช้รางขนาด 1.435 เมตร (Standard Gauge) เนื่องจากจะสามารถเชื่อต่อกับประเทศเพื่อนได้ทันที ส่วนหัวรถจักรเดิม หรือรางเดิมที่มีอยู่แล้วก็ให้ใช้วิธีซ่อมแซมแทนก็ซื้อ หรือสร้างใหม่ โดยจะเดินทางไปมอบนโยบายที่ ร.ฟ.ท.และรับฟังแผนการใช้งบประมาณใหม่ในวันที่ 7 ก.ย.2554
“ผมมีแนวคิดในการที่จะพัฒนารถไฟให้เป็นรถไฟความเร็วสูง ความเร็ว 200-250 กม./ชม.โดยจะไม่มีการจัดซื้อหัวรถจักรใหม่ หรือสร้างรางขนาด 1 เมตรอีก เพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณ และนำเงินในการเดินหน้ารถไฟความเร็วสูง อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า จะไม่กระทบต่องบประมาณเดิมที่ ร.ฟ.ท.มีอยู่แล้วแต่หากไม่เพียงพอก็จะใช้วิธีบาร์เตอร์เทรดกับประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มเติม” พล.ต.ท.ชัจจ์ กล่าว
สำหรับเส้นทางรถไฟความเร็วสูง ประกอบด้วย กรุงเทพ-เชียงใหม่, กรุงเทพ-ระยอง, กรุงเทพ-หัวหิน และ กทม.-โคราช และต่อขยายไปยังขอนแก่น ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาในการศึกษาประมาณ 6 เดือน งบประมาณประมาณ 150-200 ล้านบาท
ด้าน นายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าฯ ร.ฟ.ท.กล่าวว่า พร้อมรับนโยบายเร่งรัดโครงการถไฟความเร็วสูง 5 เส้นทาง โดยจะใช้รางขนาด 1.435 เมตร ส่วนรางที่มีอยู่แล้วก็จะทำการปรับปรุง แต่จะไม่สร้างเพิ่มเติม พร้อมกันนี้จัดหาหัวรถจักรที่จะใช้ความเร็วสูง 200-250 กม./ชม. เพื่อรองรับกับการขนส่งระหว่างประเทศ ซึ่งจะปรับในส่วนของโครงการในปี 2555-2557 ให้สอดคล้องกับนโยบายดังกล่าว
“ส่วนโครงการที่ได้ดำเนินการและมีการผูกพันสัญญาไปแล้ว เช่น การจัดหารถจักรดีเซล 50 คัน, จัดหารถโดยสารรุ่นใหม่ 115 คันนั้น ได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) และอยู่ระหว่างการจัดหาแล้วนั้น ก็ยังเดินหน้าตามขั้นตอนต่อไป จะมีการปรับเปลี่ยนหรือไม่ขึ้นอยู่กับนโยบาย ส่วนรถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง 767 กิโลเมตร ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาออกแบบนั้นก็ยังดำเนินการ แต่อาจจะมีการปรับเร่งระยะเวลาการศึกษาและการก่อสร้างให้เสร็จเร็วขึ้นเช่นเดียวกับรถไฟความเร็วสูงที่จะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด ดังนั้นอาจจะต้องร่นระยะเวลาการออกแบบและแบ่งสัญญาการก่อสร้างเพื่อเร่งให้เสร็จภายใน 1 ปี เป็นต้น
พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ทำการศึกษาแผนงบประมาณ 1.76 แสนล้านบาทใหม่ เนื่องจากแผนเดิมที่นำเสนอนั้น ไม่ตรงกับแนวความคิดของรัฐบาลในการพัฒนารถไฟให้มีประสิทธิภาพในอนาคต ซึ่งจะเน้นไปที่โครงการรถไฟความเร็วสูง เพิ่มความเร็วเป็น 200-250 กม./ชม.ใช้รางขนาด 1.435 เมตร (Standard Gauge) เนื่องจากจะสามารถเชื่อต่อกับประเทศเพื่อนได้ทันที ส่วนหัวรถจักรเดิม หรือรางเดิมที่มีอยู่แล้วก็ให้ใช้วิธีซ่อมแซมแทนก็ซื้อ หรือสร้างใหม่ โดยจะเดินทางไปมอบนโยบายที่ ร.ฟ.ท.และรับฟังแผนการใช้งบประมาณใหม่ในวันที่ 7 ก.ย.2554
“ผมมีแนวคิดในการที่จะพัฒนารถไฟให้เป็นรถไฟความเร็วสูง ความเร็ว 200-250 กม./ชม.โดยจะไม่มีการจัดซื้อหัวรถจักรใหม่ หรือสร้างรางขนาด 1 เมตรอีก เพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณ และนำเงินในการเดินหน้ารถไฟความเร็วสูง อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า จะไม่กระทบต่องบประมาณเดิมที่ ร.ฟ.ท.มีอยู่แล้วแต่หากไม่เพียงพอก็จะใช้วิธีบาร์เตอร์เทรดกับประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มเติม” พล.ต.ท.ชัจจ์ กล่าว
สำหรับเส้นทางรถไฟความเร็วสูง ประกอบด้วย กรุงเทพ-เชียงใหม่, กรุงเทพ-ระยอง, กรุงเทพ-หัวหิน และ กทม.-โคราช และต่อขยายไปยังขอนแก่น ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาในการศึกษาประมาณ 6 เดือน งบประมาณประมาณ 150-200 ล้านบาท
ด้าน นายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าฯ ร.ฟ.ท.กล่าวว่า พร้อมรับนโยบายเร่งรัดโครงการถไฟความเร็วสูง 5 เส้นทาง โดยจะใช้รางขนาด 1.435 เมตร ส่วนรางที่มีอยู่แล้วก็จะทำการปรับปรุง แต่จะไม่สร้างเพิ่มเติม พร้อมกันนี้จัดหาหัวรถจักรที่จะใช้ความเร็วสูง 200-250 กม./ชม. เพื่อรองรับกับการขนส่งระหว่างประเทศ ซึ่งจะปรับในส่วนของโครงการในปี 2555-2557 ให้สอดคล้องกับนโยบายดังกล่าว
“ส่วนโครงการที่ได้ดำเนินการและมีการผูกพันสัญญาไปแล้ว เช่น การจัดหารถจักรดีเซล 50 คัน, จัดหารถโดยสารรุ่นใหม่ 115 คันนั้น ได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) และอยู่ระหว่างการจัดหาแล้วนั้น ก็ยังเดินหน้าตามขั้นตอนต่อไป จะมีการปรับเปลี่ยนหรือไม่ขึ้นอยู่กับนโยบาย ส่วนรถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง 767 กิโลเมตร ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาออกแบบนั้นก็ยังดำเนินการ แต่อาจจะมีการปรับเร่งระยะเวลาการศึกษาและการก่อสร้างให้เสร็จเร็วขึ้นเช่นเดียวกับรถไฟความเร็วสูงที่จะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด ดังนั้นอาจจะต้องร่นระยะเวลาการออกแบบและแบ่งสัญญาการก่อสร้างเพื่อเร่งให้เสร็จภายใน 1 ปี เป็นต้น
