สหพันธ์อุตฯ การพิมพ์ 12 องค์กร ออกแถลงการณ์ ค้านใช้ กม.ตอบโต้การทุ่มตลาด สินค้ากระดาษ แฉเบื้องลึก อาจตกเป็นเครื่องมือของรายใหญ และทำให้เกิดการผูกขาด ส่งผลกระทบให้ราคากระดาษในประเทศแพงขึ้น ส่งผลกระทบให้ผู้บริโภคต้องแบกรับต้นทุนการอ่านที่เพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็น
มีรายงานข่าวว่า สหพันธ์อุตสาหกรรมการพิมพ์ 12 องค์กร ได้ออกแถลงการณ์คัดค้านการบังคับใช้กฎหมายตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้ากระดาษ หลังบริษัทผู้ผลิตกระดาษรายใหญ่ร้องเรียนต่อกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง การแข่งขันราคากระดาษ ซึ่งกรมการค้าต่างประเทศได้กำหนดอัตราเรียกเก็บเงินส่วนต่าง (เซอร์ชาร์จ) สินค้ากระดาษ จาก 5 ประเทศ ได้แก่ จีนเกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน และ อินโดนีเซีย
ทั้งนี้ สหพันธ์ฯ เห็นว่า กรณีดังกล่าวก่อให้เกิดผลเสียหายต่อภาพรวมของอุตสาหกรรมการพิมพ์ ทำให้เกิดการผูกขาดโดยผู้ผลิตกระดาษในประเทศจนส่งผลกระทบให้ผู้บริโภคต้องแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้น ทั้งก่อให้เกิดการผูกขาดโดยผู้ผลิตกระดาษในประเทศ ผู้บริโภคต้องแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้น และขัดแย้งกับนโยบายส่งเสริมการอ่านของรัฐบาล หรือแม้แต่โครงการ World Book Capital ของกรุงเทพมหานคร และนำไปสู่การต่อต้านให้เกิดการเรียนรู้ของประชาชนในประเทศ
ดังนั้น สหพันธ์อุตสาหกรรมการพิมพ์ จึงจะจัดกิจกรรม “รวมพลังเดินเพื่อสุขภาพและอนาคตของอุตสาหกรรมการพิมพ์ไทย” ขึ้น เพื่อเรียกร้องให้ผู้เกี่ยวข้องออกมาแสดงพลัง ในวันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม 2554 นี้ เวลา 07.00 น.เป็นต้นไป ณ ลานพระบรมรูปรัชกาลที่ 6 สวนลุมพินี พร้อมแถลงการณ์คัดค้านการบังคับใช้กฏหมายตอบโต้การทุ่มตลาด (anti-dumping) สินค้ากระดาษ
นายทวีชัย เตชะวิเชียร ประธานสหพันธ์ กล่าวว่า การใช้กฎหมายดังกล่าว อาจจะเกิดความโกลาหลอันเนื่องมาจากการขาดแคลนกระดาษภายในประเทศ เพราะว่าผู้ผลิตกระดาษดังกล่าวรายเดียวของไทย ซึ่งคือผู้ร้อง ไม่สามารถผลิตกระดาษได้เพียงพอต่อการใช้ภายในประเทศ และเกรงจะเกิดการผูกขาด เพราะผู้ร้องเป็นผู้ผลิตกระดาษชนิดที่ขอคุ้มครองแต่เพียงรายเดียวของประเทศ ซึ่งอาจจะปรับราคาสินค้าสูงขึ้นตามที่ตัวเองต้องการได้ตลอดเวลา โดยไม่สนใจสภาพหรือกลไกราคากระดาษที่แท้จริงของตลาดโลก
โดยก่อนหน้านี้ บริษัท ผลิตภัณฑ์กระดาษไทย จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัท เอสซี จี จำกัด (มหาชน) ได้ยื่นคำร้องต่อกรมการค้าต่างประเทศ เพื่อขอให้เรียกเก็บเอดีสำหรับสินค้ากระดาษ และกระดาษแข็งเคลือบนำเข้าจาก 5 ประเทศข้างต้น โดยให้เหตุผลว่าได้รับความเสียหายจากการทุ่มตลาด และคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ทตอ.) ได้มีมติให้เปิดไต่สวนการทุ่มตลาดตามคำร้องขอไปแล้ว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการไต่สวนเพื่อรวบรวมข้อมูล ข้อเท็จจริงจากผู้ผลิตภายในประเทศ ผู้ส่งออกต่างประเทศ และผู้มีส่วนได้เสียอื่นๆ ซึ่งหากพบว่ามีการทุ่มตลาดและก่อให้เกิดความเสียหายจริง ก็จะประกาศเรียกเก็บอากรเอดีต่อไป
