“พาณิชย์” ห่วงขึ้นค่าแรงวันละ 300 บาท ทำต้นทุนผลิตสินค้าพุ่ง ดันเงินเฟ้อปีนี้ทะลุ 4% จากเป้าเดิม 3.2-3.7% แม้แนวโน้มน้ำมันจะลดจากการลดการส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ แต่ยังไม่เพียงพอ เตรียมชงรัฐบาลใหม่ของบจัดโครงการธงฟ้า 800 ล้าน ช่วยบรรเทาผลกระทบค่าครองชีพให้กับประชาชนเพิ่มเติม จับตาไข่ไก่ขึ้นราคานำร่องผลกระทบขึ้นค่าแรง ส่วนเนื้อหมูยังราคาแพงต่อไป เหตุผลผลิตหมูยังน้อยกว่าปกติ
นางผุสดี กำปั่นทอง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า จากการศึกษาผลกระทบต้นทุนสินค้าจากการปรับขึ้นค่าแรงงาน 300 บาท/วัน เบื้องต้นพบว่าจะทำให้อัตราเงินเฟ้อปี 2554 เพิ่มขึ้นถึง 4% หรือขยายตัวมากกว่าประมาณการณ์เดิมที่กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ไว้ระดับ 3.2-3.7% แม้ว่ารัฐบาลใหม่จะลดการอุดหนุนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งจะทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันในอนาคตปรับตัวลดลง เพราะไม่ต้องนำเงินไปชดเชยกองทุนน้ำมันฯ โดยจะทำให้อัตราเงินเฟ้อลดลง 0.5-0.6% แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้อัตราเงินเฟ้อขยายตัวอยู่ในระดับเป้าหมาย เพราะผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าแรงงานมีมากกว่า
นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า กรมฯ ได้ทำการศึกษาผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าแรงงาน 300 บาท/วัน ว่า จะกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้าอย่างไร เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการกำหนดมาตรการบรรเทาผลกระทบให้กับผู้ผลิตสินค้า และหาแนวทางช่วยเหลือประชาชนไม่ให้ได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าที่ปรับขึ้นจากต้นทุนค่าแรงงานมากจนเกินไป เบื้องต้นมีสินค้าที่จะได้รับผลกระทบอยู่ในกลุ่มที่ใช้แรงงานจำนวนมาก เช่น ชุดนักเรียน เป็นต้น
“ต่อไปคงไม่สามารถใช้มาตรการขอความร่วมมือตรึงราคาสินค้าเพียงอย่างเดียวมาเป็นเครื่องมือในการดูแลค่าครองชีพของประชาชนได้อีก โดยแนวทางที่จะใช้ได้ ควรเน้นเข้าไปดูแลต้นทุนการผลิตให้ผู้ประกอบการให้สามารถบริหารต้นทุน เพื่อหลีกเลี่ยงการขอปรับราคาสินค้า แต่ยอมรับว่าแนวทางการดูแลค่าครองชีพให้กับผู้บริโภคยังมีความขัดแย้งในนโยบายอยู่ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าเกษตร เพราะเมื่อสินค้าเกษตรมีราคาสูงขึ้น ส่งผลดีกับเกษตรกร แต่กระทบกับผู้บริโภคจากการต้องซื้อสินค้าเกษตรในราคาสูงขึ้น” นางวัชรี กล่าว
สำหรับมาตรการที่จะช่วยเหลือประชาชนได้ในขณะนี้ คือ การใช้โครงการธงฟ้าเข้ามาบริหารจัดการ โดยกรมฯ จะเสนอของบประมาณสำหรับการจัดงานธงฟ้าจากรัฐบาลชุดใหม่จำนวน 700-800 ล้านบาท โดยคำนวณจากงบประมาณที่ได้รับมา 200 ล้านบาท ใช้จัดงานได้ 2 เดือน โดยงบประมาณที่ขอเพิ่มเติมดังกล่าวจะใช้จัดงานธงฟ้าเพิ่มได้อีก 4-5 เดือน สามารถช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนได้ ซึ่งจะมีการเสนอให้รมว.พาณิชย์พิจารณาและนำเสนอรัฐบาลพิจารณาต่อไป
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า มีแนวโน้มที่ราคาไข่ไก่หน้าฟาร์มจะปรับราคาเพิ่มขึ้นอีก ส่งผลให้ราคาขายปลีกไข่ไก่ต้องปรับขึ้นตาม เนื่องจากผู้ประกอบการฟาร์มเลี้ยงไก่ได้รับผลกระทบจากนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำ 300 บาท/วัน ของพรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แม้ขณะนี้จะยังไม่มีการใช้นโยบายดังกล่าวในทางปฏิบัต แต่ทางแรงงานที่อยู่ในอุตสาหกรรมเลี้ยงไก่ไข่ได้ขอปรับขึ้นค่าแรงล่วงหน้าแล้ว โดยใช้ข้ออ้างจากนโยบายดังกล่าว ซึ่งเจ้าของฟาร์มเลี้ยงไก่จำเป็นต้องปรับขึ้นค่าแรงให้ตามที่เรียกร้อง เพราะเกรงว่าแรงงานจะย้ายไปทำงานในอุตสาหกรรมอื่น ดังนั้น อาจมีการต้องปรับขึ้นราคาไข่ไก่เพื่อชดเชยค่าจ้างที่ปรับขึ้นให้แรงงานในเร็วๆ นี้
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า แนวโน้มที่ราคาหมูเนื้อแดงจะต่ำกว่า 130 บาท/กก. เป็นไปได้ยาก และอาจทรงตัวในระดับสูงต่อไปอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากปริมาณผลผลิตหมูลดลง จากโรคระบาดที่เพิ่มมากขึ้น ประกอบกับสภาพอากาศที่แปรปรวนทำให้ผลผลิตหมูเป็นอาจเติบโตช้า โดยมาตรการที่กรมการค้าภายในจะนำมาใช้ คือ กำหนดราคาขายปลีกแนะนำต่อไปอีก เพื่อป้องกันการฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาเกินความเหมาะสม
นางผุสดี กำปั่นทอง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า จากการศึกษาผลกระทบต้นทุนสินค้าจากการปรับขึ้นค่าแรงงาน 300 บาท/วัน เบื้องต้นพบว่าจะทำให้อัตราเงินเฟ้อปี 2554 เพิ่มขึ้นถึง 4% หรือขยายตัวมากกว่าประมาณการณ์เดิมที่กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ไว้ระดับ 3.2-3.7% แม้ว่ารัฐบาลใหม่จะลดการอุดหนุนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งจะทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันในอนาคตปรับตัวลดลง เพราะไม่ต้องนำเงินไปชดเชยกองทุนน้ำมันฯ โดยจะทำให้อัตราเงินเฟ้อลดลง 0.5-0.6% แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้อัตราเงินเฟ้อขยายตัวอยู่ในระดับเป้าหมาย เพราะผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าแรงงานมีมากกว่า
นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า กรมฯ ได้ทำการศึกษาผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าแรงงาน 300 บาท/วัน ว่า จะกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้าอย่างไร เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการกำหนดมาตรการบรรเทาผลกระทบให้กับผู้ผลิตสินค้า และหาแนวทางช่วยเหลือประชาชนไม่ให้ได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าที่ปรับขึ้นจากต้นทุนค่าแรงงานมากจนเกินไป เบื้องต้นมีสินค้าที่จะได้รับผลกระทบอยู่ในกลุ่มที่ใช้แรงงานจำนวนมาก เช่น ชุดนักเรียน เป็นต้น
“ต่อไปคงไม่สามารถใช้มาตรการขอความร่วมมือตรึงราคาสินค้าเพียงอย่างเดียวมาเป็นเครื่องมือในการดูแลค่าครองชีพของประชาชนได้อีก โดยแนวทางที่จะใช้ได้ ควรเน้นเข้าไปดูแลต้นทุนการผลิตให้ผู้ประกอบการให้สามารถบริหารต้นทุน เพื่อหลีกเลี่ยงการขอปรับราคาสินค้า แต่ยอมรับว่าแนวทางการดูแลค่าครองชีพให้กับผู้บริโภคยังมีความขัดแย้งในนโยบายอยู่ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าเกษตร เพราะเมื่อสินค้าเกษตรมีราคาสูงขึ้น ส่งผลดีกับเกษตรกร แต่กระทบกับผู้บริโภคจากการต้องซื้อสินค้าเกษตรในราคาสูงขึ้น” นางวัชรี กล่าว
สำหรับมาตรการที่จะช่วยเหลือประชาชนได้ในขณะนี้ คือ การใช้โครงการธงฟ้าเข้ามาบริหารจัดการ โดยกรมฯ จะเสนอของบประมาณสำหรับการจัดงานธงฟ้าจากรัฐบาลชุดใหม่จำนวน 700-800 ล้านบาท โดยคำนวณจากงบประมาณที่ได้รับมา 200 ล้านบาท ใช้จัดงานได้ 2 เดือน โดยงบประมาณที่ขอเพิ่มเติมดังกล่าวจะใช้จัดงานธงฟ้าเพิ่มได้อีก 4-5 เดือน สามารถช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนได้ ซึ่งจะมีการเสนอให้รมว.พาณิชย์พิจารณาและนำเสนอรัฐบาลพิจารณาต่อไป
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า มีแนวโน้มที่ราคาไข่ไก่หน้าฟาร์มจะปรับราคาเพิ่มขึ้นอีก ส่งผลให้ราคาขายปลีกไข่ไก่ต้องปรับขึ้นตาม เนื่องจากผู้ประกอบการฟาร์มเลี้ยงไก่ได้รับผลกระทบจากนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำ 300 บาท/วัน ของพรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แม้ขณะนี้จะยังไม่มีการใช้นโยบายดังกล่าวในทางปฏิบัต แต่ทางแรงงานที่อยู่ในอุตสาหกรรมเลี้ยงไก่ไข่ได้ขอปรับขึ้นค่าแรงล่วงหน้าแล้ว โดยใช้ข้ออ้างจากนโยบายดังกล่าว ซึ่งเจ้าของฟาร์มเลี้ยงไก่จำเป็นต้องปรับขึ้นค่าแรงให้ตามที่เรียกร้อง เพราะเกรงว่าแรงงานจะย้ายไปทำงานในอุตสาหกรรมอื่น ดังนั้น อาจมีการต้องปรับขึ้นราคาไข่ไก่เพื่อชดเชยค่าจ้างที่ปรับขึ้นให้แรงงานในเร็วๆ นี้
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า แนวโน้มที่ราคาหมูเนื้อแดงจะต่ำกว่า 130 บาท/กก. เป็นไปได้ยาก และอาจทรงตัวในระดับสูงต่อไปอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากปริมาณผลผลิตหมูลดลง จากโรคระบาดที่เพิ่มมากขึ้น ประกอบกับสภาพอากาศที่แปรปรวนทำให้ผลผลิตหมูเป็นอาจเติบโตช้า โดยมาตรการที่กรมการค้าภายในจะนำมาใช้ คือ กำหนดราคาขายปลีกแนะนำต่อไปอีก เพื่อป้องกันการฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาเกินความเหมาะสม
