ASTVผู้จัดการรายวัน -“พาณิชย์”สั่งลดราคาเนื้อไก่ทุกชนิดลงกิโลละ 5 บาท มีผลวันนี้ หลังไก่มีชีวิตมีราคาลดลง พร้อมส่งสายตรวจออกตรวจตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป ยันข้าวถุงไม่ขึ้นราคาและไม่ขาดแคลน สต็อกห้างมีพอถึง 2 เดือน ก่อนข้าวฤดูใหม่ออก ย้ำหากยังขาดโรงสีและอคส. พร้อมทำข้าวถุงขาย เตือนประชาชนอย่าแตกตื่น
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้ปรับลดราคาแนะนำไก่เนื้อใหม่ โดยปรับลดราคาลงกิโลกรัม (กก.) ละ 5 บาท โดยไก่สดทั้งตัว (รวมเครื่องใน) จากกก.ละ 70 บาท เหลือ 65 บาท ไก่สดทั้งตัว (ไม่รวมเครื่องใน) จากกก.ละ 75 บาท เหลือ 70 บาท และเนื้อไก่ จากกก.ละ 85-92 บาท เหลือ 80-85 บาท โดยให้มีผลตั้งแต่วันนี้ (21 ก.ค.) เป็นต้นไป เนื่องจากราคาไก่มีชีวิตได้ปรับตัวลดลงมาอย่างต่อเนื่อง
ส่วนภาคเหนือให้ขายสูงกว่าราคาแนะนำได้ไม่เกินกก.ละ 2 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไม่เกินกก.ละ 3 บาท และภาคใต้ ไม่เกินกก.ละ 5 บาท และให้ผู้จำหน่ายมีระยะเวลาในการปรับตัวกรณีมีสต็อกเดิมประมาณ 3-4 วัน
ทั้งนี้ ตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป จะจัดให้มีสายตรวจพิเศษ เพื่อออกตรวจสอบการจำหน่ายเนื้อไก่ทั้งห้างค้าปลีกและตลาดสดทั่วไป หากพบว่า ยังมีการจำหน่ายไก่เนื้อสูงเกินราคาแนะนำ โดยไม่เหตุผลอันสมควร จะดำเนินการตามกฎหมายโดยเคร่งครัด โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 29 แห่งพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ
ส่วนปัญหาเนื้อหมูมีราคาแพง ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะขณะนี้ปริมาณยังตึงตัว และให้ดูแลการขนย้ายตามจังหวัดแนวชายแดนอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการลักลอบส่งออกหมูไปยังประเทศเพื่อนบ้าน จนทำให้หมูในประเทศขาดแคลน แต่คาดว่า ตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไป ราคาเนื้อหมูจะปรับลดราคาลง หลังจากที่ผลผลิตหมูเพิ่มขึ้น จากการที่อากาศเย็น และหมูโตเร็ว ซึ่งปัญหาเรื่องราคาแพง ก็จะหมดไป
นางพรทิวากล่าวว่า สำหรับการแก้ไขปัญหาข้าวถุงมีราคาแพง ที่ล่าสุดประชาชนแตกตื่นว่าข้าวในประเทศจะขาดแคลน และห้างค้าปลีกบางแห่งจำกัดการซื้อนั้น ขอยืนยันว่าข้าวในประเทศไม่ได้ขาดแคลนและมีเพียงพอต่อการบริโภคในประเทศ โดยเฉพาะข้าวสารบรรจุถุง ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าราคาขายยังไม่ได้มีการปรับขึ้นแต่อย่างใด และกระทรวงพาณิชย์ก็ไม่มีนโยบายที่จะให้สินค้าข้าวถุงปรับขึ้นราคาด้วย
ดังนั้น ประชาชนไม่ควรแตกตื่นและเร่งซื้อข้าวสารมาเก็บไว้ เพราะการจำกัดการซื้อข้าวถุงในห้างค้าปลีกบางแห่งนั้น เป็นเพียงข้าวถุงที่เข้าร่วมส่งเสริมการขาย หรือโปรโมชั่นลดราคาเท่านั้น แต่ข้าวถุงที่ไม่ได้เข้าร่วมโปรโมชั่นยังซื้อแบบไม่จำกัดได้เหมือนเดิม
สำหรับแนวโน้มสถานการณ์ข้าวในอนาคต หลังที่รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารงาน ที่จะมีการใช้นโยบายรับจำนำเข้ามาดำเนินการ และอาจทำให้ต้นทุนข้าวถุงสูงขึ้น จนต้องนำข้าวในสต๊อกรัฐบาลมาทำข้าวถุงธงฟ้าหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่รัฐบาลใหม่จะต้องตัดสินใจ แต่ภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลชุดนี้ยืนยันว่าไม่มีการปรับขึ้นราคาข้าวถุง อย่างไรก็ตามไม่อยากให้คาดการณ์ไปว่าข้าวต้นทุนข้าวจะสูงขึ้นไปมาก เพราะข้าวนาปีฤดูกาลใหม่ที่จะมาในเดือนพ.ย. มีปริมาณมากถึง 22-23 ล้านตันข้าวเปลือก ซึ่งจะทำให้ราคาข้าวไม่ปรับตัวสูงขึ้นไปมาก เพราะข้าวในตลาดมีเยอะ
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ผู้ค้าข้าวเริ่มมีการกักตุน เพื่อรอนโยบายการจำนำข้าวจากรัฐบาลใหม่ ว่า ขณะนี้ นโยบายทุกเรื่องแม้ว่าขณะนี้รัฐบาลยังไม่ได้ตั้งขึ้นมา พรรคเพื่อไทยในฐานะที่เป็นผู้ชนะการเลือกตั้งและต้องบริหารประเทศต่อไป ควรจะใช้เวลาตรงนี้ทำความชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการเก็ง การคาดการณ์ ที่จะมีผลกระทบทางเศรษฐกิจในทุกเรื่อง เพื่อไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้ปรับลดราคาแนะนำไก่เนื้อใหม่ โดยปรับลดราคาลงกิโลกรัม (กก.) ละ 5 บาท โดยไก่สดทั้งตัว (รวมเครื่องใน) จากกก.ละ 70 บาท เหลือ 65 บาท ไก่สดทั้งตัว (ไม่รวมเครื่องใน) จากกก.ละ 75 บาท เหลือ 70 บาท และเนื้อไก่ จากกก.ละ 85-92 บาท เหลือ 80-85 บาท โดยให้มีผลตั้งแต่วันนี้ (21 ก.ค.) เป็นต้นไป เนื่องจากราคาไก่มีชีวิตได้ปรับตัวลดลงมาอย่างต่อเนื่อง
ส่วนภาคเหนือให้ขายสูงกว่าราคาแนะนำได้ไม่เกินกก.ละ 2 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไม่เกินกก.ละ 3 บาท และภาคใต้ ไม่เกินกก.ละ 5 บาท และให้ผู้จำหน่ายมีระยะเวลาในการปรับตัวกรณีมีสต็อกเดิมประมาณ 3-4 วัน
ทั้งนี้ ตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป จะจัดให้มีสายตรวจพิเศษ เพื่อออกตรวจสอบการจำหน่ายเนื้อไก่ทั้งห้างค้าปลีกและตลาดสดทั่วไป หากพบว่า ยังมีการจำหน่ายไก่เนื้อสูงเกินราคาแนะนำ โดยไม่เหตุผลอันสมควร จะดำเนินการตามกฎหมายโดยเคร่งครัด โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 29 แห่งพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ
ส่วนปัญหาเนื้อหมูมีราคาแพง ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะขณะนี้ปริมาณยังตึงตัว และให้ดูแลการขนย้ายตามจังหวัดแนวชายแดนอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการลักลอบส่งออกหมูไปยังประเทศเพื่อนบ้าน จนทำให้หมูในประเทศขาดแคลน แต่คาดว่า ตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไป ราคาเนื้อหมูจะปรับลดราคาลง หลังจากที่ผลผลิตหมูเพิ่มขึ้น จากการที่อากาศเย็น และหมูโตเร็ว ซึ่งปัญหาเรื่องราคาแพง ก็จะหมดไป
นางพรทิวากล่าวว่า สำหรับการแก้ไขปัญหาข้าวถุงมีราคาแพง ที่ล่าสุดประชาชนแตกตื่นว่าข้าวในประเทศจะขาดแคลน และห้างค้าปลีกบางแห่งจำกัดการซื้อนั้น ขอยืนยันว่าข้าวในประเทศไม่ได้ขาดแคลนและมีเพียงพอต่อการบริโภคในประเทศ โดยเฉพาะข้าวสารบรรจุถุง ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าราคาขายยังไม่ได้มีการปรับขึ้นแต่อย่างใด และกระทรวงพาณิชย์ก็ไม่มีนโยบายที่จะให้สินค้าข้าวถุงปรับขึ้นราคาด้วย
ดังนั้น ประชาชนไม่ควรแตกตื่นและเร่งซื้อข้าวสารมาเก็บไว้ เพราะการจำกัดการซื้อข้าวถุงในห้างค้าปลีกบางแห่งนั้น เป็นเพียงข้าวถุงที่เข้าร่วมส่งเสริมการขาย หรือโปรโมชั่นลดราคาเท่านั้น แต่ข้าวถุงที่ไม่ได้เข้าร่วมโปรโมชั่นยังซื้อแบบไม่จำกัดได้เหมือนเดิม
สำหรับแนวโน้มสถานการณ์ข้าวในอนาคต หลังที่รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารงาน ที่จะมีการใช้นโยบายรับจำนำเข้ามาดำเนินการ และอาจทำให้ต้นทุนข้าวถุงสูงขึ้น จนต้องนำข้าวในสต๊อกรัฐบาลมาทำข้าวถุงธงฟ้าหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่รัฐบาลใหม่จะต้องตัดสินใจ แต่ภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลชุดนี้ยืนยันว่าไม่มีการปรับขึ้นราคาข้าวถุง อย่างไรก็ตามไม่อยากให้คาดการณ์ไปว่าข้าวต้นทุนข้าวจะสูงขึ้นไปมาก เพราะข้าวนาปีฤดูกาลใหม่ที่จะมาในเดือนพ.ย. มีปริมาณมากถึง 22-23 ล้านตันข้าวเปลือก ซึ่งจะทำให้ราคาข้าวไม่ปรับตัวสูงขึ้นไปมาก เพราะข้าวในตลาดมีเยอะ
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ผู้ค้าข้าวเริ่มมีการกักตุน เพื่อรอนโยบายการจำนำข้าวจากรัฐบาลใหม่ ว่า ขณะนี้ นโยบายทุกเรื่องแม้ว่าขณะนี้รัฐบาลยังไม่ได้ตั้งขึ้นมา พรรคเพื่อไทยในฐานะที่เป็นผู้ชนะการเลือกตั้งและต้องบริหารประเทศต่อไป ควรจะใช้เวลาตรงนี้ทำความชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการเก็ง การคาดการณ์ ที่จะมีผลกระทบทางเศรษฐกิจในทุกเรื่อง เพื่อไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน