เครือซีพี แนะรัฐบาลเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ผลักดัน GDP ขยายตัว พร้อมหนุนค่าจ้างขั้นต่ำ 300 เพราะว่าระดับรายได้ของแรงงาน ยังต่ำกว่าเงินเฟ้อ และรายได้เฉลี่ยของประชากรอยู่แล้ว เชื่อ ยังทำงบขาดดุลรับนโยบายหาเสียงได้ แต่รัฐบาลต้องหาทางบรรเทาผลกระทบ
นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล รองประธานคณะกรรมการบริหารการเงินและกรรมการการลงทุน เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) เปิดเผยว่า รัฐบาลต้องเร่งการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เช่น ด้านชลประทาน การเกษตร ลอจิสติกส์ การศึกษา เพื่อผลักดันการเติบโตเศรษฐกิจของประเทศ (จีดีพี) และกระตุ้นภาคเอกชนให้เร่งการลงทุนเพื่อขยายขีดความสามารถการแข่งขันและการผลิต ลดการพึ่งการส่งออก เพื่อลดความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ หากเศรษฐกิจโลกผันผวน
ขณะนี้ ไทยมีการปรับเปลี่ยนตลาดส่งออกจากเดิมที่เน้นตลาดส่งออกในสหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น ลดมาครึ่งหนึ่ง และหันมาเน้นในตลาดอาเซียนและจีน ซึ่งหากนับตั้งแต่วิกฤตในปี 2540-2553 เศรษฐกิจไทยเติบโตเฉลี่ย 2.9% ต่อปี เนื่องจากมีการลงทุนต่ำ
พร้อมกันนี้ ยังสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท เนื่องจากหลังเกิดวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 การปรับขึ้นของค่าแรงขั้นต่ำยังน้อยกว่าอัตราเงินเฟ้อ และน้อยกว่ารายได้ประชาชาติโดยเฉลี่ย แสดงให้เห็นว่าแรงงานยังมีความเสียเปรียบ ซึ่งการปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำ จะช่วยเพิ่มความต้องการในประเทศ (Domestic demand) และลดความเหลื่อมล้ำของการกระจายรายได้
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า ในช่วงแรกหากมีการปรับขึ้นค่าแรงตามนโยบายรัฐบาล คงมีผลกระทบต่อผู้ประกอบการในช่วงแรก ดังนั้น ภาครัฐจะต้องเข้ามาบรรเทาผลกระทบด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะภาคธุรกิจขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี)
มองว่า นโยบายต่างๆ ของรัฐบาลใหม่ ยังอยู่ในวิสัยที่จะจัดวงเงินงบประมาณขาดดุลมารองรับได้ โดยจะต้องกู้ยืมเงินเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้หนี้สาธารณะจะเพิ่มขึ้นไม่เกิน 55% ของจีดีพี จากปัจจุบันที่ 41% แต่ไม่ถึงระดับสูงสุดที่เคยมีมาที่ 58% แต่ห่วงว่าจะเป็นการจัดสรรงบประจำมากกว่าลงทุน และอาจเกิดปัญหาการใช้จ่ายงบลงทุนอาจล่าช้า เพราะที่ผ่านมาความสามารถในการดำเนินโครงการลงทุนค่อนข้างต่ำ