xs
xsm
sm
md
lg

“บรรยงค์” ปัดใบสั่งการเมืองฟ้องดีแทค ยันใช้มาตรฐานเดียวกับกรณีกุหลาบแก้ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“บรรยงค์” ปัดทำตามใบสั่ง “อลงกรณ์” ให้ฟ้องดีแทค ยันรัฐมนตรีไม่มีอำนาจล้วงลูก และยังเป็นคดีใหญ่ โทษอาญา การกล่าวหาใครต้องทำให้โปร่งใส เป็นธรรม เผย ได้ส่งตำรวจทำการสืบสวนสอบสวนต่อแล้ว ระบุใช้มาตรฐานเดียวกันกับกรณีกุหลาบแก้วที่ถือหุ้นในชินคอร์ป

นายบรรยงค์ ลิ้มประยูรวงศ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ส่งผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงสถานะนิติบุคคลของบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค ที่คณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงได้สรุปความเห็นออกมา ส่งไปให้กองบัญชาการสอบสวนกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค.ที่ผ่านมา เพื่อดำเนินการสืบสวนสอบสวนตามกระบวนการยุติธรรม และขอให้แจ้งผลการสืบสวน หากปรากฏว่าเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิด และหรือพบว่ามีบุคคลอื่นมีส่วนร่วมในการกระทำผิดเพิ่มเติม และพนักงานสอบสวนประสงค์จะให้มีการร้องทุกข์ กรมฯ ก็พร้อมที่จะดำเนินการต่อไป

ทั้งนี้ เหตุผลที่กรมฯ ยืนยันที่จะส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปสืบสวนสอบสวนต่อ แม้ว่านายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะสั่งการให้กรมฯ ดำเนินการกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจ กับดีแทค เนื่องจากเห็นว่า ตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 กำหนดอำนาจหน้าที่ไว้ชัดเจน พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจใช้ดุลพินิจได้อย่างอิสระ ไม่ให้อำนาจรัฐมนตรีในการสั่งการ วินิจฉัยให้แตกต่างจากที่คณะทำงานฯ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายสรุปออกมา

นอกจากนี้ ยังเห็นอีกว่า การที่ นายสัญญา สถิรบุตร ที่ปรึกษา รมช.พาณิชย์ ได้เข้ามาดำเนินการตรวจสอบรายงานการตรวจสอบของคณะทำงานฯ ตามคำสั่งของนายอลงกรณ์นั้น ตามกฎหมาย นายสัญญา ไม่ได้เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงไม่มีอำนาจใดๆ มาตรวจสอบ รายงานผลการตรวจสอบของนายสัญญาก็ไม่อาจรับฟังได้ หรือแม้จะรับฟังได้ ก็ไม่เห็นด้วย เพราะการดำเนินคดีกล่าวโทษนิติบุคคล หรือบุคคล ที่มีโทษทางอาญาร้ายแรง ก็ควรจะมีหลักฐานชัดเจน

“การที่ นายอลงกรณ์ ได้สั่งการให้กรมฯ ดำเนินการต่อดีแทค แตกต่างไปจากผลการตรวจสอบและความเห็นของคณะทำงานฯ นั้น เป็นการปฏิบัติหน้าที่นอกขอบเขตอำนาจของรัฐมนตรีที่กฎหมายกำหนด และเป็นการก้าวล่วงอำนาจหน้าที่และการใช้ดุลพินิจของคณะทำงานฯ ที่เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย หากกรมฯ ปฏิบัติตามสำคัญของรัฐมนตรีไปกล่าวโทษนิติบุคคลหรือบุคคลที่ยังมีมีหลักฐานเพียงพอ ก็จะเกิดความไม่เป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวโทษ” นายบรรยงค์ กล่าว

นายบรรยงค์ กล่าวว่า การตัดสินใจดังกล่าว เป็นความจำเป็นที่จะต้องรักษาองค์กรให้มีความสง่างาม ต้องเลือกรักษาความถูกต้อง ความเป็นธรรม รักษาเกียรติยศ ศักดิ์ศรี มากกว่าการคิดถึงแต่ตำแหน่งอธิบดี และปฏิบัติตามคำสั่งเพื่อเอาใจนักการเมือง และพร้อมที่จะรับผิดชอบกับการกระทำในครั้งนี้ เพราะกรณีดีแทค เป็นการปฏิบัติตามขั้นตอนที่กำหมายกำหนดไว้ ปฏิบัติเช่นเดียวกันกับกรณีอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นกรณีกุหลาบแก้ว ที่เข้ามาถือหุ้นในชินคอร์ป และบริษัทอื่นๆ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผลการตรวจสอบของคณะทำงานฯ สรุปว่า ยังไม่ชัดเจนว่า ดีแทคมีสถานะเป็นคนต่างด้าว แต่มีหลักฐาน ข้อมูล และข้อเท็จจริง รวมทั้งพฤติกรรมแวดล้อมต่างๆ ที่เห็นว่ามีมูลอันน่าเชื่อได้ว่า นิติบุคคลที่ถือหุ้นตามลำดับชั้นในดีแทค รวม 7 บริษัท น่าจะมีการถือหุ้นแทนคนต่างด้าว จึงเห็นควรให้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนสอบสวนต่อ

ขณะที่ผลสรุปของนายสัญญาที่เสนอให้นายอลงกรณ์ สรุปเสนอว่า ดีแทคเป็นคนต่างด้าว และขอให้มีคำสั่งให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าแจ้งความดำเนินคดีกับดีแทคในความผิดตามมาตรา 37 และให้ฟ้องต่อศาลให้มีคำสั่งให้ดีแทคเลิกกิจการ และเสนอให้แจ้งความดำเนินคดีกับ 7 บริษัทที่ถือหุ้นแทน และอีก 19 บริษัท ที่มีส่วนพัวพันถือหุ้นแทน ตามมาตรา 36 ของ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542
กำลังโหลดความคิดเห็น