“อลงกรณ์” โต้การเมืองแทรก! ยันสั่งสอบสัญชาติ “ดีแทค” นอมินีต่างชาติเพิ่ม เพื่อสร้างมาตรฐานการลงทุนในไทย เตรียมแถลงผลสรุป 11 ก.ค.นี้ มั่นใจ หากสั่งฟ้องไม่ส่งผลเสียต่อผู้ใช้บริการ และพันธมิตรธุรกิจ พร้อมเรียกร้อง รบ.ใหม่จริงใจ-เคร่งครัดข้อ กม. เพื่อปกป้องผลประโยชน์ชาติ
นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีสั่งตั้งกรรมการตรวจสอบซ้ำฐานะของบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค ตามข้อร้องเรียนของบริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่น จำกัด โดยยืนยันว่า ไม่ใช่เรื่องของการเมืองเข้าแทรกแซงการทำงานของข้าราชการ แต่ตนเองต้องการสร้างมาตรฐานด้านการลงทุนให้กับนักลงทุนต่างชาติในการเข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทย
“นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุน ควรต้องทำตามบทบัญญัติของกฎหมายไทย หากทำผิดกฎหมายก็ต้องถูกดำเนินคดีเด็ดขาด ซึ่งการดำเนินการในครั้งนี้ เพื่อเป็นการส่งสัญญาณผ่านไปยังหอการค้าต่างประเทศผ่านทางหอการค้าไทย เพื่อให้เห็นว่า ไทยมีความจริงจังเรื่องดังกล่าว”
ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบจะแถลงผลสรุปในวันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม 2554 นี้ หากมีข้อมูลหลักฐานเพียงพอ หรือพบความผิดชัดเจน กรณีการถือหุ้นแทนหรือนอมินี จนเชื่อได้ว่ามีฐานะเป็นบริษัทต่างด้าว กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ก็จะร้องทุกข์กล่าวโทษบริษัทดีแทคต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อให้ส่งเรื่องฟ้องศาลให้เพิกถอนการประกอบธุรกิจต่อไป
“ยืนยันว่า หากมีการดำเนินคดีกับดีแทคจริง จะไม่ส่งผลกระทบต่อลูกค้าผู้ใช้บริการและพันธมิตรธุรกิจของดีแทค เนื่องจากความผิดดังกล่าวเป็นความผิดสำเร็จโทษ ซึ่งบุคคลที่กระทำความผิดต้องรับลงโทษตามกฎหมาย”
ส่วนบริษัทดีแทคซึ่งเป็นนิติบุคคลสามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงฐานะของบริษัทให้ถูกต้องตามกฎหมายไทย และสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ โดยมี 2 ทางเลือก คือ ปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นให้ถูกต้องตามที่บริษัทได้แจ้งว่า เป็นนิติบุคคลที่มี ฐานะเป็นคนไทย หรือ 2.ทำเรื่องเสนอขออนุญาตประกอบธุรกิจต่อคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ต่ออธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
ทั้งนี้ เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้บริษัทต่างด้าวที่ต้องการประกอบธุรกิจโทรคมนาคม ต้องขอนุญาตเป็นกรณีพิเศษ ทั้งนี้หากได้รับการอนุมัติก็สามารถดำเนินธุรกิจได้ต่อไป
นายอลงกรณ์ กล่าวเสริมว่า ตนเองต้องการให้รัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามารับหน้าที่ต่อแสดงความจริงใจด้วยการสานต่อนโยบาย โดยต้องส่งสัญญานที่ชัดเจนให้นักลงทุนปฏิบัติตามกฎหมายไทยอย่างเคร่งครัด เพื่อดูแลผลประโยชน์ของประเทศไทย ในยุคเปิดเสรีทางการค้าและการลงทุน