นายกฯ ยันไม่เลื่อนปรับราคา “แอลพีจี” ภาคอุตฯ ดีเดย์ 1 ก.ค.นี้ ระบุ ไม่ใช่การปรับขึ้นครั้งเดียว แต่ใช้แบบขั้นบันได ไตรมาสละ 3 บาท/กก.
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลจะไม่ชะลอลอยตัวราคาก๊าซหุงต้มหรือแอลพีจีในภาคอุตสาหกรรม จากที่กำหนดว่าจะปรับราคาเพิ่มอีกกิโลกรัมละ 3 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2554 นี้ โดยการปรับราคาแอลพีจีจะเป็นไปตามแผนเดิม โดยจะทยอยปรับราคาเพิ่มทุกไตรมาสๆ ละ 3 บาทต่อกิโลกรัม หรือปีละ 12 บาทต่อกิโลกรัม โดยราคาแอลพีจีในปัจจุบันอยู่ที่กิโลกรัมละ 18.13 บาท
“เป็นไปตามแผนเดิม ปรับไตรมาสละ 3 บาท ไม่ได้ขึ้นทีเดียว โดยจะทยอยปรับขึ้นไตรมาสละ 3 บาทต่อกิโลกรัม รวมทั้งหมด 4 ครั้ง จากปัจจุบันที่ราคาก๊าซแอลพีจีอยู่ที่กิโลกรัมละ 18.13 บาท”
ก่อนหน้านี้ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้เสนอให้นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ชะลอลงนามรับรองมติขึ้นราคาแอลพีจีเพิ่มอีกกิโลกรัมละ 3 บาทออกไปก่อน และเสนอให้ภาครัฐปรับขึ้นราคาแอลพีจีปีละ 3 บาทต่อกิโลกรัม แทนการปรับราคาเพิ่มทุกไตรมาส เพื่อให้ผู้ประกอบการกลุ่มเซรามิก แก้วและกระจก มีเวลาปรับตัว 3 ปี ก่อนที่จะปรับราคาแอลพีจีภาคอุตสาหกรรมให้เท่ากับราคาในตลาดโลก และส.อ.ท.ยังเห็นว่ารัฐบาลรักษาการ ไม่ควรดำเนินการในเรื่องที่มีผลในอนาคต
ทั้งนี้ ส.อ.ท.ระบุว่า การปรับขึ้นราคาแอลพีจีตามแนวทางของภาครัฐ อาจส่งผลให้ผู้ประกอบการบางรายต้องปิดกิจการ ซึ่งกระทบต่อการจ้างงาน และเห็นว่าภาครัฐควรมีมาตรการรองรับก่อนจะปรับราคาแอลพีจีเพราะการนำเชื้อเพลิงอื่นมาทดแทนแอลพีจี เช่น ถ่านหินหรือน้ำมันเตา ต้องใช้เวลาศึกษาพอสมควร