“บอร์ด ทอท.” สั่งศึกษาสร้างอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ แยกจากแผนสุวรรณภูมิเฟส 2 เต็มระบบ และวางแนวการใช้ดอนเมือง โดยจะสรุปเดือน ก.ค.อีกครั้ง ก่อนเสนอครม.คู่กับผล ICAO หลังประเมินพบอาคารในประเทศ ลงทุนเพียง 9.2 พันล้านบาท ใช้เวลา 3 ปี รองรับได้อีก 20 ล้านคน ช่วยประหยัดเงินลงทุนได้มาก พร้อมเห็นชอบ “อนิรุทธิ์” นั่งเอ็มดี สั่งต่อรองค่าจ้างยึดกรอบเท่าเดิม ฟุ้งปราบไกด์ผีเหลือแค่ 220 ราย
นายธีรพล นพรัมภา ประธานคณะกรรมการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำดัก (มหาชน) หรือทอท.เปิดเผยภายหลังการประชุมวานนี้ (22 มิ.ย.) ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาแนวทางการเพิ่มขีดความสามารถของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยมีมติให้ ทอท.ศึกษารายละเอียดและความเหมาะสมของแนวทางของการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ (Domestic Terminal) ซึ่งจะรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มอีก 20 ล้านคนต่อปี ลงทุนประมาณ 9,133.520 ล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 3 ปี พร้อมทั้งให้ศึกษาการใช้ประโยชน์ท่าอากาศยานดอนเมืองที่เหมาะสมและการขยายสุวรรณภูมิเฟส 2 โดยให้สรุปเสนอที่ประชุมบอร์ดในเดือน ก.ค.นี้ซึ่งจะทราบชัดเจนว่า จะเอาอย่างไร
“บอร์ดเห็นด้วยผลการศึกษาขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ซึ่งขณะนี้กระทรวงคมนาคมได้เสนอไปที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว แต่ในฐานะที่ ทอท.เป็นหน่วยงานที่ดูแลการให้บริการต่างๆ เห็นว่า การเพิ่มขีดความสามารถสุวรรณภูมืที่ ICAO เสนอให้สร้างอาคารผู้โดยสารภายในประเทศด้วย จึงเห็นว่า ทอท.ควรศึกษาหาแนวทางที่เกิดประสิทธิภาพและประโยชน์สูงสุด เพราะหากสร้างอาคารผู้โดยสารภายในประเทศอย่างเดียวก่อนจะใช้เงินลงทุนน้อน ใช้เวลาน้อย ในขณะที่สามารถรองรับผู้โดยสารได้อีก 20 ล้านคนต่อปี ใกล้เคียงกับการขยายสุวรรณภูมิเฟส 2 เต็มระบบ ที่ใช้เงินลงทุนถึง 6.2 หมื่นล้านบาท” นายธีรพล กล่าว
นายธีรพล กล่าวว่า ในขณะนี้เห็นว่า ดอนเมืองยังมีความจำเป็นในการรองรับเที่ยวบิน ควบคู่ไปกับสุวรรณภูมิ เพราะเมื่ออาคารผู้โดยสารภายในประเทศก่อสร้างเสร็จอีก 3-4 ปีข้างหน้า จำนวนผู้โดยสารอาจจะเพิ่มขึ้นไปถึง 50 ล้านคนต่อปี ในขณะที่รูปแบบในการขยายเฟส 2 อาจจะเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ซึ่งความเห็นที่ ทอท.สรุปนี้ จะนำเสนอกระทรวงคมนาคมเพื่อนำเสนอไปพร้อมกับผลการศึกษาของ ICAO ก่อนหน้านี้ต่อ ครม.ชุดใหม่ ได้ทัน
สำหรับการพัฒนาสนามบินดอนเมืองเชิงพาณิชย์นั้น นายธีรพล กล่าวว่า ทอท.มีแผนไว้แล้ว 4-5 แนวทาง โดยตนได้เสนอความเห็นเพิ่มเติมว่าควรผลักดันดอนเมืองให้เป็นศูนย์ซ่อมอากาศยานระดับโลก สามารถซ่อมเครื่องบินลำตัวกว้างได้ จากแผนที่มีขณะนี้จะเป็นศูนย์ซ่อมเครื่องบินขนาดเล็กเท่านั้น และอยากให้มีการวางแผนเพื่อจัดแอร์โชว์ด้วย
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.2554 จะมีการย้ายการให้บริการเที่ยวบินภายในประเทศ สนามบินดอนเมืองจากอาคารผู้โดยสารภายในประเทศไปยังอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ 1 ซึ่งรองรับผู้โดยสารได้ 16 ล้านคนต่อปี เพื่อนำพื้นที่อาคารผู้โดยสารภายในประเทศ ใช้สำหรับศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน ตามแผนพัฒนาเชิงพาณิชย์
เห็นชอบ “อนิรุทธิ์” นั่งเอ็มดี สั่งต่อรองค่าจ้างยึดกรอบเท่าเดิม
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้รับทราบถึงผลการสรรหาผู้อำนวยการใหญ่ โดยคณะกรรมการสรรหาฯ ที่มีพลอากาศเอก ระเด่น พึ่งพักตร์ เป็นประธาน ได้เสนอชื่อ ว่าที่เรืออากาศโท อนิรุทธิ์ ถนอมกุลบุตร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) เป็นผู้ได้รับคะแนนอันดับ 1 จากที่มีผู้สมัครและเข้าผ่านการสรรหาจำนวน 3 ราย โดยอีก 2 ราย คือ นายณัฐศิลป์ จงสงวน และ พ.ต.ท.ไพโรจน์ ปัญจประทีป อดีตรองผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยคาดว่าจะสามารถลงนามในสัญญาว่าจ้างได้ประมาณเดือน ส.ค.2554 โดยหลังจากนี้ คณะอนุกรรมการพิจารณาผลตอบแทนฯ จะเจรจาผลตอบแทนกับผู้ได้รับคะแนนอันดับ 1 และสรุปเสนอบอร์ดในเดือน ก.ค.จากนั้นจะเสนอไปที่กระทรวงการคลัง หากเห็นชอบจะเสนอบอร์ดรับทราบ และลงนามว่าจ้างต่อไป ทั้งนี้ บอร์ดวางกรอบการเจรจาให้ยึดผลตอบแทนและเกณฑ์เท่ากับการว่าจ้างผู้อำนวยการคนเดิมเป็นหลัก
ฟุ้งปราบดุไกด์ผีลดฮวบ
นายธีรพล กล่าวว่า บอร์ดได้ติดตามความคืบหน้าการปราบปรามไกด์ผี แท็กซี่เถื่อน ซึ่งมีผู้โดยสารและผู้ใช้บริการร้องเรียนก่อนหน้านี้จำนวนมาก และจากแผนปฏืบัติการป้องกันอย่างเข้มงวดตลอด 2 ปีกว่าที่ผ่านมา ทำให้ขณะนี้จำนวนไกด์ผี ลดลงเหลือ 220 คน จากที่เคยมีถึง 700 คน ส่วนการจับกุมผู้กระทำความผิดทั้งการใช้รถผิดประเภท ก่อความรำคาญเดือดร้อนตั้งแต่ ส.ค.2552-ปัจจุบันสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้ถึง 28,886 ครั้ง
นายธีรพล นพรัมภา ประธานคณะกรรมการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำดัก (มหาชน) หรือทอท.เปิดเผยภายหลังการประชุมวานนี้ (22 มิ.ย.) ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาแนวทางการเพิ่มขีดความสามารถของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยมีมติให้ ทอท.ศึกษารายละเอียดและความเหมาะสมของแนวทางของการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ (Domestic Terminal) ซึ่งจะรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มอีก 20 ล้านคนต่อปี ลงทุนประมาณ 9,133.520 ล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 3 ปี พร้อมทั้งให้ศึกษาการใช้ประโยชน์ท่าอากาศยานดอนเมืองที่เหมาะสมและการขยายสุวรรณภูมิเฟส 2 โดยให้สรุปเสนอที่ประชุมบอร์ดในเดือน ก.ค.นี้ซึ่งจะทราบชัดเจนว่า จะเอาอย่างไร
“บอร์ดเห็นด้วยผลการศึกษาขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ซึ่งขณะนี้กระทรวงคมนาคมได้เสนอไปที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว แต่ในฐานะที่ ทอท.เป็นหน่วยงานที่ดูแลการให้บริการต่างๆ เห็นว่า การเพิ่มขีดความสามารถสุวรรณภูมืที่ ICAO เสนอให้สร้างอาคารผู้โดยสารภายในประเทศด้วย จึงเห็นว่า ทอท.ควรศึกษาหาแนวทางที่เกิดประสิทธิภาพและประโยชน์สูงสุด เพราะหากสร้างอาคารผู้โดยสารภายในประเทศอย่างเดียวก่อนจะใช้เงินลงทุนน้อน ใช้เวลาน้อย ในขณะที่สามารถรองรับผู้โดยสารได้อีก 20 ล้านคนต่อปี ใกล้เคียงกับการขยายสุวรรณภูมิเฟส 2 เต็มระบบ ที่ใช้เงินลงทุนถึง 6.2 หมื่นล้านบาท” นายธีรพล กล่าว
นายธีรพล กล่าวว่า ในขณะนี้เห็นว่า ดอนเมืองยังมีความจำเป็นในการรองรับเที่ยวบิน ควบคู่ไปกับสุวรรณภูมิ เพราะเมื่ออาคารผู้โดยสารภายในประเทศก่อสร้างเสร็จอีก 3-4 ปีข้างหน้า จำนวนผู้โดยสารอาจจะเพิ่มขึ้นไปถึง 50 ล้านคนต่อปี ในขณะที่รูปแบบในการขยายเฟส 2 อาจจะเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ซึ่งความเห็นที่ ทอท.สรุปนี้ จะนำเสนอกระทรวงคมนาคมเพื่อนำเสนอไปพร้อมกับผลการศึกษาของ ICAO ก่อนหน้านี้ต่อ ครม.ชุดใหม่ ได้ทัน
สำหรับการพัฒนาสนามบินดอนเมืองเชิงพาณิชย์นั้น นายธีรพล กล่าวว่า ทอท.มีแผนไว้แล้ว 4-5 แนวทาง โดยตนได้เสนอความเห็นเพิ่มเติมว่าควรผลักดันดอนเมืองให้เป็นศูนย์ซ่อมอากาศยานระดับโลก สามารถซ่อมเครื่องบินลำตัวกว้างได้ จากแผนที่มีขณะนี้จะเป็นศูนย์ซ่อมเครื่องบินขนาดเล็กเท่านั้น และอยากให้มีการวางแผนเพื่อจัดแอร์โชว์ด้วย
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.2554 จะมีการย้ายการให้บริการเที่ยวบินภายในประเทศ สนามบินดอนเมืองจากอาคารผู้โดยสารภายในประเทศไปยังอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ 1 ซึ่งรองรับผู้โดยสารได้ 16 ล้านคนต่อปี เพื่อนำพื้นที่อาคารผู้โดยสารภายในประเทศ ใช้สำหรับศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน ตามแผนพัฒนาเชิงพาณิชย์
เห็นชอบ “อนิรุทธิ์” นั่งเอ็มดี สั่งต่อรองค่าจ้างยึดกรอบเท่าเดิม
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้รับทราบถึงผลการสรรหาผู้อำนวยการใหญ่ โดยคณะกรรมการสรรหาฯ ที่มีพลอากาศเอก ระเด่น พึ่งพักตร์ เป็นประธาน ได้เสนอชื่อ ว่าที่เรืออากาศโท อนิรุทธิ์ ถนอมกุลบุตร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) เป็นผู้ได้รับคะแนนอันดับ 1 จากที่มีผู้สมัครและเข้าผ่านการสรรหาจำนวน 3 ราย โดยอีก 2 ราย คือ นายณัฐศิลป์ จงสงวน และ พ.ต.ท.ไพโรจน์ ปัญจประทีป อดีตรองผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยคาดว่าจะสามารถลงนามในสัญญาว่าจ้างได้ประมาณเดือน ส.ค.2554 โดยหลังจากนี้ คณะอนุกรรมการพิจารณาผลตอบแทนฯ จะเจรจาผลตอบแทนกับผู้ได้รับคะแนนอันดับ 1 และสรุปเสนอบอร์ดในเดือน ก.ค.จากนั้นจะเสนอไปที่กระทรวงการคลัง หากเห็นชอบจะเสนอบอร์ดรับทราบ และลงนามว่าจ้างต่อไป ทั้งนี้ บอร์ดวางกรอบการเจรจาให้ยึดผลตอบแทนและเกณฑ์เท่ากับการว่าจ้างผู้อำนวยการคนเดิมเป็นหลัก
ฟุ้งปราบดุไกด์ผีลดฮวบ
นายธีรพล กล่าวว่า บอร์ดได้ติดตามความคืบหน้าการปราบปรามไกด์ผี แท็กซี่เถื่อน ซึ่งมีผู้โดยสารและผู้ใช้บริการร้องเรียนก่อนหน้านี้จำนวนมาก และจากแผนปฏืบัติการป้องกันอย่างเข้มงวดตลอด 2 ปีกว่าที่ผ่านมา ทำให้ขณะนี้จำนวนไกด์ผี ลดลงเหลือ 220 คน จากที่เคยมีถึง 700 คน ส่วนการจับกุมผู้กระทำความผิดทั้งการใช้รถผิดประเภท ก่อความรำคาญเดือดร้อนตั้งแต่ ส.ค.2552-ปัจจุบันสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้ถึง 28,886 ครั้ง
